นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)กล่าวว่า แผนการก่อสร้างหอกลั่นเคโรซีนในหน่วยกลั่นที่ 3 ที่ถูกไฟไหม้จะแล้วเสร็จตามแผนงานในช่วงกลางเดือน ต.ค.55 หลังจากนั้นจะเดินหน้าผลิตเต็มกำลังกลั่น 1.1-1.2 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อเพิ่มผลผลิตมาชดเชยช่วงที่หน่วยกลั่นที่ 3 ปิดซ่อมแซมไปนาน 3 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังกลั่นเฉลี่ยของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นบาร์เรล/วัน
ขณะนี้ BCP ได้เดินเครื่องหน่วยกลั่นที่ 2 และหน่วยกลั่นที่ 4 กำลังกลั่นรวม 45,000 บาร์เรล/วัน และมีการนำเข้าน้ำมันมาอีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐและกลุ่ม ปตท.ในการร่วมกันดูแลน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนขึ้นในช่วงซ่อมแซมโรงกลั่นน้ำมัน จึงไม่เกิดปัญหาน้ำมันขาดแคลนแต่อย่างใด
สำหรับค่าสร้างหอกลั่นเคโรซีนอยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านบาท สูงกว่าที่ประมาณการณ์เดิมว่าจะใช้เงินราว 100 ล้านบาท เนื่องจาก BCP ได้ปรับเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าในโรงกลั่นควบคู่ไปด้วยเพื่อป้องกันอุบัติภัย โดยผู้ที่เข้ามาซ่อมแซมหอกลั่นดังกล่าว คือ บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL) ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นยังน่าจะเป็นไปตามคาดการณ์เดิมที่ประมาณ 500 ล้านบาท และอยู่ภายใต้วงเงินที่ได้ทำประกันภัยไว้
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันจะดูแลความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลแล้วก็ตาม แต่ทาง BCP ก็จะเชิญทางโรงกลั่นฯของญี่ปุ่น มาช่วยให้คำปรึกษาร่วมดูแลเรื่องการเดินเครื่องโรงกลั่นฯเพื่อเสริมความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น