ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของเยอรมนี และมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐและเยอรมนีปรับตัวลงในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.6% ปิดที่ 250.57 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3074.68 จุด ลบ 26.85 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6390.41 จุด ลบ 28.92 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5499.23 จุด ลบ 34.64 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิมมีเสถียรภาพ โดยมูดีส์ระบุว่า การตัดสินใจปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของทั้ง 3 ประเทศในครั้งนี้ มูดีส์พิจารณาจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่า กรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะ "วิกฤตการณ์ภาคการเงินแบบลูกโซ่" และจะทำให้เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และประเทศอื่นๆที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดนั้น ต้องแบกรับภาระในการให้ความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวลงแตะ 51.8 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.5 ในเดือนมเ.ย. ขณะที่ดัชนี PMI รวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของเยอรมนีในเดือนก.ค.อ่อนแรงลงแตะ 47.3 จาก 48.1 ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการปรับตัวลงเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
การร่วงลงของดัชนี PMI ของสหรัฐและเยอรมนีได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกที่ว่า กรีซอาจจะไม่ได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไปมูลค่า 3.15 หมื่นล้านยูโร ซึ่งมีกำหนดจะได้รับภายในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งหากกลุ่มทรอยก้าซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี), ธนาคากลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พบว่า กรีซไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาในเรื่องการปรับลดงบประมาณ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้กรีซต้องถูกบีบให้ออกจากกลุ่มยูโรโซน
หุ้นรอยัล เคพีเอ็น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์ของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทริก ดิ่งลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นสวอช ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายนาฬิการายใหญ่ของสวิส พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ อันเนื่องมาจากยอดขายนาฬิกา Omega และ Longines ในประเทศจีนปรับตัวสูงขึ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปในวันนี้ โดยในเวลา 15.00 น.ตามเวลาไทย สถาบัน Ifo จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนก.ค. จากนั้นในเวลา 15.30 น.ตามเวลาไทย อังกฤษจะเปิดเผยจีดีพีเบื้องต้นในไตรมาส 2/2555 และเวลา 16.00 น.ตามเวลาไทย อิตาลีจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.