นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor) ในเดือน มิ.ย. 55 อยู่ที่ 75.5% สูงกว่าเดือนมิ.ย.54 ที่มีระดับ 65.7% หรือเพิ่มขึ้น 14.9% และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 55 (ม.ค.-มิ.ย.) มี cabin factor เฉลี่ยอยู่ที่ 76.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 71.3% เพิ่มขึ้น 7.6%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจะมียอด cabin factor สูงขึ้น แต่รายได้ไม่ได้สูงตามนั้นเนื่องมาจากมีการแข่งขันสูง ทำให้รายได้ในช่วง 6 เดือนแรกปรับลดลงจากเป้าหมายประมาณ 3.3-3.4%
"cabin factor ที่ออกมาสูง เทคนิคคือการแข่งขัน ทำให้เราต้องออกราคาและแคมเปญ ทำให้มีผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา 5-6 เดือนนี้ รายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3%กว่า เพราะรายได้ต่อหน่วยต่ำ แต่เดือนมิถุนายน เป็นเดือนแรกที่รายได้จากผู้โดยสารเข้าเป้า...ถ้าเราไม่ทำอะไรยอดขายจะพลาดเป้าหมายไปเยอะ จะพลาดไป 3%กว่า ไปเรื่อยๆ"นายโชคชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์
สาเหตุที่ในเดือน มิ.ย.มี cabin factor เพิ่มสูงขึ้นมากทั้งที่เป็นช่วง low season เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดความถี่การบิน หรือลดจำนวนเที่ยวบินให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารลงประมาณ 2% ซึ่งบริษัทได้ปรับลดตามสถานการณ์เป็นรายเดือน จากก่อนหน้านี้ที่จะปรับเที่ยวบินคราวละ 6 เดือน เป็นการปรับปรุงแก้ไขในระยะสั้นเพื่อให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น
บริษัทจะมีการปรับปรุงเที่ยวบินให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร โดยจะประเมินทุก 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ซึ่งจะพิจารณาจากยอดจอง และเทียวบินที่ไม่สร้างกำไรก็จะมีการปรับเปลี่ยนซึ่งอาจจะยกเลิกเที่ยวบินนั้นแล้วนำเครื่องบินในเที่ยวบินที่ยกเลิกไปทำการบินในเส้นทางที่มีศักยภาพสูง เช่น เที่ยวบินในประเทศอาจจะยกเลิกแล้วให้การบินไทยสมายล์ทำการบินแทน ขณะที่ THAI จะนำเครื่องบินไปเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางพม่าแทน รวมทั้งจะควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย ดังนั้นคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะพลิกฟื้นกลับมามีผลประกอบการดีขึ้นได้
"เราเชื่อมั่นว่าในช่วง High season ในไตรมาส 3 ไตรมาส 4 เราต้องเพิ่ม production ให้มากที่สุด เพราะฉะนั้น ก็น่าจะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ได้...คงดีกว่าเดิมไม่ได้ แต่อย่าให้มันแย่กว่าที่ควรจะเป็น" รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการประชุมระดับผู้บริหารหารือการปรับกลยุทธ์ของบริษัทเมื่อ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้มีการทบทวนเป้าหมายผลประกอบการ ทั้งรายได้และกำไรของบริษัท โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 27 ก.ค.นี้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบประมาณการปี 55 ว่ารายได้รวมจะเติบโตราว 7% มาที่ 208,519 ล้านบาท โดยจะมี cabin factor จะอยู่ที่เฉลี่ย 74.98% สูงขึ้น 4.61% จากปี 54 ขณะที่อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เคยตั้งเป้าหมายกำไรในปีนี้ราว 6 พันล้านบาท