ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเปิดตลาดวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2% หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 253.84 จุด หรือ 2.00% แตะที่ 12,929.89 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 23.57 จุด หรือ 1.76% แตะที่ 1,361.46 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 49.24 จุด หรือ 1.73% แตะที่ 2,903.48 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับถ้อยแถลงของนายดรากิที่กรุงลอนดอนในวันนี้ว่า อีซีบีจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของสกุลเงินยูโร ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าอีซีบีอาจะเข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตร หลังจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและอิตาลีได้ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆในกลุ่มยูโรโซน
นายดรากิกล่าวว่า การปกป้องสกุลเงินยูโรถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบของอีซีบี และอีซีบีจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะปกป้องสกุลเงินยูโรให้อยู่รอดปลอดภัย พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดการเงินกำลังประเมินความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูโรโซนต่ำเกินไป และสกุลเงินยูโรก็แข็งแกร่งมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดคิด ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในความพยายามของอีซีบี
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การแสดงความคิดเห็นของนายดรากิเป็นการส่งสัญญาณว่า อีซีบีอาจใช้มาตรการใหม่ๆในการต่อสู้กับวิกฤต หลังจากมีการคาดการณ์ว่า สเปนและอิตาลีอาจจะขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. ลดลง 35,000 ราย มาอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 353,000 ราย โดยถึงแม้ว่าจะเป็นผลมาจากปัจจัยตามฤดูกาล แต่ถึงกระนั้นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการที่ลดลงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 5 สัปดาห์ก็ช่วยจุดประกายความหวังว่าตลาดแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐอาจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดตัวขึ้น 0.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 49%
อย่างไรก็ตาม หุ้นดาว เคมิคอล ร่วงลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด
นักลงทุนจับตาดูผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยาตัวราว 1.4% หลังจากที่ขยายตัว 1.9% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 1 ปี
ปัจจัยที่ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของจีดีพีสหรัฐจะชะลอตัวลงนั้น มาจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันลดการใช้จ่าย โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐนั้น ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรป และการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนในภาคเอกชน