“หลังจากที่เรามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากด้านการผลิต ทำให้เราสามารถขยายตลาดได้อย่างคล่องตัวในทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยภายในระยะ 3-5 ปี บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% จากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของงานโครงการ และการขยายไปยังศูนย์การค้า ซูเปอร์สโตร์ โชว์รูม และร้านค้าย่อยต่างๆ ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมเปิดโชว์รูมอีก 1 แห่ง ในปีนี้ที่บุญถาวรเกษตร-นวมินทร์ จากปัจจุบันมีโชว์รูม 1 แห่ง บนถนนรัชดาภิเษก เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น" นายปกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การได้รับงานโครงการของภาครัฐ เช่น งานโรงพยาบาลศิริราช หรืองานโครงการขนาดใหญ่ของภาคเอกชนที่มุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน ถือเป็นงานเพื่อสังคมที่คืนกำไรให้กับสังคมด้วยส่วนหนึ่ง จึงเป็นงานที่ไม่ได้มีกำไรมากนัก เนื่องจากต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลิต และศักยภาพในการรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นองค์การมหาชนที่พร้อมจะช่วยดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯในไตรมาสที่ 2/2555 ลดลงต่ำกว่าปกติ เนื่องจากเป็นโครงการเฉพาะกิจที่มุ่งคืนกำไรสู่สังคมมากกว่าการสร้างกำไรทางธุรกิจ อีกทั้งการสนับสนุนสถาบันการศึกษา การทำการตลาดของบริษัทฯ และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว มีผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไตรมาสเดียวเท่านั้น
สำหรับแนวโน้มธุรกิจโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างในครึ่งปีหลังว่ายังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งงานโครงการ ธุรกิจค้าส่ง/ปลีก และส่งออก ตามทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ และรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการประหยัดพลังงานด้วยการสนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งจากนโยบายดังกล่าวทำให้หลายหน่วยงานมีโครงการเปลี่ยนหลอดไฟแบบประหยัดพลังงาน ทำให้มีงานเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่ง L&E ในฐานะผู้นำในธุรกิจโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างในภูมิภาคอาเซียน พร้อมรองรับทุกโครงการได้อย่างคล่องตัว ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 55 ทั้งปีบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,017 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่ายอดขายเพราะบริษัทมีค่าใช้จ่ายคงที่ประมาณ 60% โดยปี 54 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 71.9 ล้านบาท