นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย เช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง โดยดูจากทิศทางแล้วเริ่มเห็นการชะลอตัวเมื่อดัชนีฯวิ่งเช้าใกล้ระดับ 1,200 จุด เนื่องจากตลาดฯได้ ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว และพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดทำการของตลาดบ้านเราด้วย อีกทั้งมองว่าตลาดฯได้ขึ้นมาตอบรับในเรื่องของการ ประชุม FOMC และ ECB แล้ว ซึ่งก็คาดว่าผลที่ออกมาไม่น่าจะมีอะไรที่รุนแรงมาก
นอกจากนี้ เช้านี้ทางจีนก็มีการประกาศตัวเลข PMI เท่าที่ดูก็ออกมาดีขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 50.5 แต่ก็ยังแย่กว่าที่ ตลาดฯคาดการณ์ไว้ เช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็มีการแกว่งตัวบวก-ลบสลับกัน
ดังนั้น วันนี้ตลาดบ้านเราคงจะเป็นลักษณะของการเลือกลงทุนเป็นรายตัวตามประเด็นของแต่ละตัวมากกว่า โดยเฉพาะ การอิงเรื่องของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,190-1,210 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(31 ก.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,008.68 จุด ลดลง 64.33 จุด(-0.49%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,379.32 จุด ลดลง 5.98 จุด(-0.43%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,939.52 จุด ลดลง 6.32 จุด (-0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดวันนี้ นิกเกอิญี่ปุ่น ลดลง 73.02 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 149.85 จุด เวทเต็ดไต้หวัน ลดลง 27.91 จุด คอมโพสิตเกาหลีใต้ ลดลง 11.41 จุด FBMKLCI มาเลเซีย ลดลง 3.53 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ลดลง 5.10 จุด และ FTSE STI สิงคโปร์ ลดลง 9.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(31 ก.ค.) ที่ระดับ 1,199.30 จุด เพิ่มขึ้น 5.98 จุด(+0.50%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,542.92 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 88.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.72 ดอลลาร์หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(31 ก.ค.)ปิดทำการที่ 8.7 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 31.50/52 ตลาดจับตาคืนนี้ประธานเฟดส่งสัญญาณทำ QE3
- ธปท.ส่งสัญญาณวิกฤติยุโรปเริ่มส่งผลชัด ฉุดภาคส่งออกครึ่ง-กำลังซื้อในประเทศครึ่งปีหลังชะลอ ขณะ คลัง เล็งหั่นเป้าส่งออก จับตาการเมืองกระทบความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจ
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดส่งออกไทยปีนี้โต 5.8% ต่ำสุดรอบ 3 ปี ทำรายได้ประเทศหายเกือบ 3 แสนล้านบาท, นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยถึงการวิเคราะห์ดัชนีชี้นำการส่งออก (CLI) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบการส่งออกไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2555 น่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 3.8-7.5% จากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 17.2%
- ผู้ว่าฯแบงก์ชาติชี้จีดีพี 5.7% เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย ยันต้องสร้างสมดุลเป็นภูมิต้านทานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวให้ประชาชนทุกระดับเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานทั่วถึง แทนที่จะเน้นจีดีพีเพียงอย่างเดียว เตือนรัฐประชานิยมไม่ยั่งยืนเท่ากับให้ประชาชนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานทางสังคม เผยเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.ชะลอจากวิกฤตหนี้ในกลุ่มยูโรโซน ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าลดลง
- นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจและการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือน มิ.ย.ปีนี้ขยายตัวชะลอลง จากปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มประเทศยูโรส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าชัดเจนขึ้น สะท้อนจากภาคส่งออกเดือน มิ.ย.หดตัว 4.3% จากระยะเดียวกันปีก่อนและเดือนก่อนหน้าที่เคยโต 6.7%
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เผยแพร่เอกสาร "ประเทศไทยจะได้อะไรจากการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจในเมียนมาร์" โดย นายไพโรจน์ โพธิวงศ์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สศช. โดยระบุว่าหากเศรษฐกิจพม่าขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ จะทำให้คนพม่ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย
- CENTEL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับเป้าหมายปีนี้ขึ้นเป็น 18.50 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q12 จะโดดเด่น +250% Y-Y เป็น 149 ล้านบาท แต่ -74% Q-Q เพราะเป็น Low Season แต่เป็น low season ที่ดีกว่าปีก่อน ๆ เติบโตทั้งธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร ภาพรวมทั้งปีถือว่าดีมาก พร้อมปรับกำไรปีนี้เพิ่ม 20.5% เป็น 1,033 ล้านบาท +87.7% Y-Y ปรับเพิ่มปีหน้า 14% เป็น 1,220 ล้านบาท
- SPCG(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"ราคาเหมาะสม 22.63 บาท/หุ้น คาด SPCG จะรายงานกำไรใน 2Q55 เพิ่มขึ้น QoQ จากการเปิดดำเนินงานโซล่าฟาร์มใหม่อีก 2 แห่งในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ดีด้วยฐานโซล่าฟาร์มเพียง 9 แห่ง จะถูกกดดันจากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนของหน่วยงานเหล็ก แต่ในภาพรวมแผนการพัฒนาโครงการ 10-16 SPCG ยืนยันว่าจะแล้วเสร็จตามแผนใน 3Q55 และโครงการใหญ่ 17-34 ยังมีแนวโน้มดำเนินการไปตามแผนเดิม
- QH(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ" ประเมินว่าใน 2H55 QH จะมีผลประกอบการโดดเด่นมากขึ้นจากการบันทึกกำไรพิเศษจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ Backlog จากโครงการคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้รายได้ สำหรับปี 2555 คงประมาณการการเติบโตของรายได้ที่ 23% YoY และกำไรจากการดำเนินงานปกติคาดจะเติบโต 81% YoY จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธี Forward PER ที่ 12 เท่าได้ราคาเป้าหมายซึ่งรวมกำไรพิเศษจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์แล้วเท่ากับ 2.10 บาท