โบรกฯต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น ธนาคารเกียรตินาคิน(KK)การขยายตัวสินเชื่อปีนี้เติบโตดีในช่วง 21-25% โดยมาจากสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตดีในปีนี้ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการส่งมอบรถยนต์กันมาก ส่วนค่าธรรมเนียมก็เติบโตตามสินเชื่อที่ขยายตัว อย่างเช่นได้จากค่าประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 2.87-3.20 พันล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้กำไรจะไม่เด่นมาก เนื่องจาก KK ได้มีการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี KK คาดว่าจะได้รับกำไรจากการสวอปกับบมจ.ทุนภัทร(PHATRA)โดยกำไรเริ่มจะเข้ามาในไตรมาส 4/55 และในปีหน้าคาดว่า KK จะมีกำไรสุทธิที่เติบโตดีขึ้นไปอีก เนื่องจากจะได้กำไรจาก PHATRA เข้ามาเต็มปี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 49.00 บล.ธนชาต ซื้อ 48.00 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 46.00 บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อ 45.00 บล.เคที ซีมีโก้ ซื้อ 43.50 บล.กรุงศรี เก็งกำไร 42.50 บล.ทรีนีตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 41.00 บล.บัวหลวง ถือรอสวอป PHATRA 36-37(หลังรวม PHATRA จะมีเป้า 44)
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ"หุ้น KK ที่ราคาเป้าหมาย 45 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นการคิดรวมในส่วนของการสวอป PHATRA แล้ว ทั้งนี้ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/55 ของ KK ออกมาดีมาก ทำให้มีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น
ในส่วนของการขยายตัวสินเชื่อของ KK ในปี 55 คาดว่าจะเติบโตดีที่ 21% โดยมาจากสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก แต่หากมองที่สเปรดจะหายไปบ้าง เนื่องจาก Cost of fund สูงขึ้น และมีการจ่ายค่าธรรมเนียมช่วยใช้หนี้ FIDF ด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 3.11 พันล้านบาท เติบโต 9% จากปีที่แล้ว โดยปีนี้กำไรจะไม่เด่นมากเนื่องจาก KK ได้มีการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี KK คาดว่าจะได้รับกำไรจากการสวอป PHATRA ในไตรมาส 4/55 ถึงประมาณ 300 ล้านบาท แต่ปีหน้าคาดว่า KK จะมีกำไรสุทธิเติบโตดีประมาณ 4 พันล้านบาท เนื่องจากจะได้กำไรจาก PHATRA เข้ามาเต็มปี
ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ราคาหุ้น KK ตอนนี้เหลือ upside น้อยแล้วเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 42.50 บาท/หุ้น และมองว่ากำไรของ KK ในปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มแบงก์ที่คิดว่าจะเติบโตประมาณ 24% โดยปี 55 คาดว่ากำไรสุทธิของ KK จะอยู่ที่ประมาณ 3,200 ล้านบาท เติบโต 11% จากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ปีนี้ถือว่า KK ยังมีการขยายตัวของสินเชื่อที่มีการเติบโตดีคาดว่าจะเติบโต 25% เนื่องจากรับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเติบโตดี โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อของ KK เติบโตแล้วราว 13% และในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอีก 12% ส่วนปีหน้าการขยายตัวสินเชื่อของ KK จะยังเติบโตดีคาดว่าจะเติบโต 18% ซึ่งจะเติบโตดับเบิ้ลของกลุ่มแบงก์
ส่วนค่าธรรมเนียม KK จะมีการเติบโตตามสินเชื่อที่ขยายตัว อย่างเช่นได้จากค่าประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ KK ในปีนี้จะยังไม่ค่อยดีในเรื่องของ NIM และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
"เดิมที KK จะมีรายได้จากการเติบโตของสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมเป็นหลัก รวมถึงรายได้จากการซื้อขายสินทรัพย์รอการขาย แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นในแง่มีรายได้จากตลาดทุนเข้ามาจากการได้ PHATRA เข้ามาเพิ่ม"นายธนเดช กล่าว
ส่วนนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง(BLS)กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงแนะนำ"ถือ"หุ้น KK เพื่อรอดูการสวอปของ PHATRA ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ก่อน ตอนนี้จึงให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 36-37 บาท/หุ้น หลังจากสวอปกับ PHATRA แล้วจะมีราคาเป้าหมายที่ 44 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/55)KK จะมีการขยายตัวของสินเชื่อที่ดี โดยปีนี้คาดว่าสินเชื่อของ KK จะเติบโต 25% ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการส่งมอบรถยนต์กันมาก และในครึ่งปีแรกทาง KK ก็ได้มีสินเชื่อเติบโตไปแล้ว 14% ส่วนค่าธรรมเนียมของ KK ปีนี้ก็คาดว่าจะน่ายังเติบโตดี
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 2,870 ล้านบาท(ยังไม่คิดรวมในส่วนของ PHATRA) ซึ่งจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 54 เนื่องจากปีนี้จะมีค่าธรรมเนียมที่เก็บเงินฝาก และยังจะมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้กำไรสุทธิของ KK น่าจะทรงตัว แต่ปี 56 คาดว่ากำไรสุทธิของ KK จะมี 3,350 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีนี้