KBANK ปรับโครงสร้างทีม IB หวังดันมูลค่ารับงานโตกว่า 35% ใน 3 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 6, 2012 15:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ปรับโครงสร้างการบริหารของสายงานวาณิชธนกิจ (Investment Banking Business Division) เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้านการจัดหาเงินทุนและเป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจจากการเติบโตของความต้องการด้านเงินทุน และแนวโน้มการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติของลูกค้า พร้อมกันนี้ ธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายงานวาณิชธนกิจจะมีมูลค่าเติบโตกว่า 35% ในอีก 3 ปีข้างหน้า และครองตำแหน่งผู้นำตลาดต่อไป

ทั้งนี้ มองว่าการลงทุนของธุรกิจไทยทั้งในประเทศและระดับภูมิภาคมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ช่วงหนึ่งปีนี้ จะมีมูลค่ารวมถึง 800,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการธุรกิจข้ามชาติมูลค่าสูงถึง 40% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด การลงทุนของธุรกิจเข้าสู่ตลาดระดับท้องถิ่นตามหัวเมืองจังหวัดใหญ่ต่าง ๆ ประมาณ 20% และการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานประมาณ 40%

นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางเริ่มให้ความสนใจในการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่จะมีเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อรับมือกับการแข่งขันในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก จึงทำให้เกิดความต้องการในการให้คำปรึกษาทางธุรกิจเพื่อการจัดหาเงินทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และการจัดโครงสร้างทางการบริหารและการเงินอื่น ๆ

การจัดตั้งสายงานวาณิชธนกิจครั้งนี้ จะมีนายภานพ อังศุสิงห์ เป็นผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย นายสุรเดช เกียรติธนากร เป็นผู้บริหารดูแลด้านตลาดตราสารหนี้ (Debt Capital Markets) และนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ เป็นผู้บริหารกลุ่มดูแลด้านตลาดตราสารทุน (Equity Capital Markets) โดยจะประสานงานร่วมกับนายวศิน วณิชยวรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัท และทีมผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของเครือธนาคารกสิกรไทยที่จะดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ

นายภานพ กล่าวว่า แนวนโยบายสำคัญในการดำเนินงาน คือ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มองความต้องการและการเติบโตของลูกค้าเป็นที่ตั้ง ประกอบกับการมุ่งเน้นการประสานผลลัพธ์ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ (Debt Capital Markets) ซึ่งมีทั้งบริการที่ปรึกษาด้านการออกและเสนอขายหุ้นกู้ การจัดหาเงินกู้ร่วม การออกและเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และงานที่ปรึกษาทางการเงิน และการระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุน (Equity Capital Markets)

เช่น การให้บริการคำปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) บริการที่ปรึกษาด้านการซื้อและควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions) และบริการที่ปรึกษาในการหาผู้ร่วมทุน (Joint Venture) โดยทีมงานที่มีความชำนาญในการทำงานระดับสากล ธนาคารฯ เชื่อว่าด้วยโครงสร้างการบริหารและความพร้อมของเครือธนาคารกสิกรไทย ที่สามารถสอดรับการให้คำตอบทางธุรกิจอย่างครบวงจร จะช่วยส่งมอบบริการที่มีประสิทธิภาพที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่ลูกค้า นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจไทย

ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ให้บริการด้านการระดมทุนในระดับแนวหน้าของตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการระดมเงินทุนในรูปแบบต่าง ๆ ของธุรกิจขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและสรุปผลแล้วประมาณ 70 โครงการ มูลค่ารวม 330,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ธนาคารกสิกรไทยเข้าไปให้บริการแก่ลูกค้าถึง 40 โครงการ ในมูลค่ารวม 225,000 ล้านบาท สามารถผลักดันให้รายได้ค่าธรรมเนียมจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารฯ เติบโตในช่วงครึ่งปีแรกแล้วประมาณ 10%

สำหรับโอกาสทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง มีโครงการธุรกิจที่จะระดมเงินทุนอีกกว่า 150 โครงการ มูลค่ากว่า 470,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคาร ฯ คาดว่า ประมาณ 90% จะเป็นการระดมทุนจากการกู้ยืมและการทำสินเชื่อโครงการ (Project Finance) ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นการให้บริการด้านตลาดทุนทั้งการให้คำปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) และการเสนอขายหุ้นที่มีอยู่แล้วในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนเพิ่มเติม (Public Offering: PO) และการซื้อและควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions) เพื่อรองรับการขยายตัวของกิจการจากอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น อุตสาหกรรมพลังงาน การก่อสร้าง ปิโตรเลียม อสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนอุตสาหกรรมภาคการบริโภคอย่าง อาหาร และ สินค้าทางการเกษตรอุตสาหกรรมต่าง ๆ

นอกจากนี้ แนวโน้มสำคัญอีกประการ คือ บริษัทขนาดใหญ่ของไทยมีการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศสูงขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเปิดเสรีทางการค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งอาจนำไปสู่การนำกิจการเข้าจดทะเบียนเพื่อการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือการควบรวมกิจการข้ามชาติจำนวนมากขึ้น

ทีมวาณิชธนกิจของธนาคารกสิกรไทยก็มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเข้าไปดูแลให้บริการแก่ธุรกิจในระดับภูมิภาคดังกล่าว ด้วยจุดแข็งของธนาคารฯ คือ มีแมคควอรีกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินด้านวาณิชธนกิจการอันดับหนึ่งของออสเตรเลียเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจของธนาคารฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ