นายวุฒิชัย ศรีวุฒิชาญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด เจ้าของและผู้พิมพ์ "ฐานเศรษฐกิจ" เปิดเผยว่าหลังจากบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อ 19 มี.ค. 55 โดยจะต้องลดทุนบริษัทจาก 30 ล้านบาทเหลือ 3 ล้านบาท และเพิ่มทุน 97 ล้านบาท โดยตนเองที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 55%
ขณะนี้มีพันธมิตรที่พร้อมจะเข้ามาร่วมทุนคือ นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี(EE)ที่มีกลุ่มคอมลิงค์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่แสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ นายศิริธัช จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 35% ส่วนตนเองจะเหลือสัดส่วนการถือหุ้น 12.5% โดยเงินเพิ่มทุนจะนำไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ และจะทำให้บริษัทออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในปีนี้
นอกจากนี้ นายศิริธัช ยังพร้อมเข้ามาดูแลภาระหนี้ของบริษัท ฐานการพิมพ์จำกัด ที่มีฐานเศรษฐกิจ ถือหุ้นใหญ่ 65% โดยมีภาระหนี้ของบบส. สุขุมวิท และ บบส.ธนชาต รวม 1.2 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้บริหารแผนเสียงส่วนน้อย ได้ยื่นคำร้องต่อที่ประชุมเจ้าหนี้เพื่อขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 55 โดยแผนที่เสนอแก้ไขคือ บมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค(CEN) พร้อมจะเข้ามาเพิ่มทุน 90 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบในหนังสือแสดงเจตจำนงพบว่า เป็นการลงนามในนามส่วนตัวของนายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CEN ขณะเดียวกัน ทาง CEN ได้ปฏิเสธข่า ที่จะเข้าร่วมทุนในบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด สะท้อนถึงความไม่ชัดเจนของ CEN ที่จะเข้ามาเพิ่มทุนให้บริษัท
"กลุ่ม CEN ที่มีข่าวจะเพิ่มทุนก็ยังไม่มีความชัดเจน แต่เจ้าหนี้ได้เห็นความชัดเจนของเราที่กลุ่มทุนใหม่คือ คุณศิริธัช ดังนั้นคิดว่าแผนของผมน่าจะมีศักยภาพการเพิ่มทุน ....คุณศิริธัช เป็นนักธุรกิจและมีเพื่อนในวงการสื่อเยอะ ได้มีการคุยกันทางธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน" นายวุฒิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวุฒิชัย กล่าวว่า การเจรจากับนายศิริธัช เข้ามาเพิ่มทุนของบริษัท ไม่มีนายวิชัย ทองแตงเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี ตนเองไม่ทราบว่านายศิริธัช ได้ติดต่อนายวิชัยไว้ด้วยหรือไม่
แต่ทั้งนี้ยืนยันได้ว่าหากการดำเนินฟื้นฟูกิจการ สามารถชำระหนี้และออกจากแผนภายในปีนี้ มั่นใจว่าในปีนี้บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงาน เนื่องจากกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปี 54 แต่ภาพรวมยังขาดทุนเพราะมีภาระหนี้เงินกู้เป็นจำนวนมาก
และ เมื่อออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทมีแผนรุกธุรกิจมัลติมีเดีย สื่อทีวี และสื่อวิทยุ โดยได้มีการเจรจาพันธมิตรทั้งกลุ่มเนชั่นฯ และกลุ่มผู้จัดการ เนื่องจากสื่อต่างๆได้มีการเตรียมพร้อมที่จะรุกธุรกิจนี้ไว้พร้อมหมดแล้ว คาดว่าจะได้เห็นธุรกิจใหม่ในต้นปี 56
นายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย.55 ผู้บริหารแผนได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนเหลือ 3 ล้านบาท เสร็จสิ้นตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการ และต้องเพิ่มทุนจำนวน 97 ล้านบาทให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ครบกำหนดในวันที่ 27 พ.ค.55 แต่ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 45% ในฐานะผู้บริหารแผนฯ เสียงส่วนน้อยยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ไม่ได้ผ่านมติเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้บริหารแผน ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวเมื่อ 11 ก.ค.55 แต่เจ้าหนี้ขอเลื่อนการพิจารณา ดังนั้นจึงให้มีการพิจารณาแผนในวันที่ 17 ส.ค.55
แผนที่ทางผู้บริหารแผนเสียงส่วนน้อยขอแก้ไขนั้น ได้เสนอเพิ่มวงเงินเพิ่มทุนจาก 97 ล้านบาท เป็น 120 ล้านบาท โดยมีผู้ร่วมทุนรายใหม่ 3 ราย คือ CEN ที่จะเข้าเพิ่มทุน 90 ล้านบาท นายมนตรี ภูวสุวรรณ์ และนายเจษฎา วีระพงษ์ ซึ่งทั้งสองเป็นผู้บริหารแผนฯ จำนวน 27 ล้านบาท ซึ่งตนเองไม่เคยรับทราบมาก่อนว่าจะมี CEN เข้ามาเป็นผู้ร่วมทุนใหม่ และที่ผ่านมาไม่เคยมีการเจรจาติดต่อกันมาก่อน จนถึงวันที่นัดประชุมเจ้าหนี้ ซึ่งยอมรับว่ามีความกังวลกับการเข้ามาร่วมทุนของ CEN เพราะไม่เคยรู้จัก และมีข้อมูลมาก่อน
แต่หลังจากบริษัทได้ดำเนินการลดทุนแล้ว แต่ไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามแผน เนื่องจากกลุ่มกรรมการผู้บริหารแผน ได้รวมตัวไม่ยอมลงนามในชุดจดทะเบียนต่อกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ตนเองได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารแผน โดยเสนอให้ตนเองเป็นผู้บริหารแผนเพียงคนเดียว ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องและกำหนดไต่สวนคำร้องในวันที่ 6 ก.ย.55