ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากกลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้แสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อความคืบหน้าด้านการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจของกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานและดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 21.34 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 13,117.51 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.24 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,394.23 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 22.01 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 2,989.91 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3 พันล้านหุ้น ซึ่งยังต่ำกว่าระดับเฉลี่ย โดยมีหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กลุ่มทรอยก้าได้สรุปผลการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกรีซครั้งล่าสุดว่า กรีซมีความคืบหน้าในการหาแนวทางปรับลดงบประมาณ ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรับเงินช่วยเหลือครั้งต่อไป ด้านเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟเปิดเผยว่า กลุ่มทรอยก้าจะเดินทางกลับไปยังกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ อีกครั้งในช่วงต้นเดือนก.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกรีซ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่านายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีได้ส่งสัญญาณว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลีที่ออกมาเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ยุโรปจะแตกสลาย หากไม่มีการดำเนินการเร่งด่วนกว่านี้เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาค
นายมอนติแสดงความเห็นดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Der Spiegel ของเยอรมนี โดยระบุว่า ความคิดเห็นที่ไม่ลงร้อยกันในหลายๆเรื่องภายในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 17 ประเทศ กำลังเบี่ยงเบนการดำเนินนโยบายแก้ไขวิกฤตหนี้และกำลังบ่อนทำลายอนาคตของสหภาพยุโรป (อียู)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000-150,000 ตำแหน่ง และดัชนีภาคบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 52.0
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 2.8% หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ดีดขึ้น 1.6%
หุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 13%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 2/2555 วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค.