หุ้น TOP ราคาขยับขึ้น 2.76% มาอยู่ที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 214.02 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.59น. โดยเปิดตลาดที่ 64.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 65.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 64.50 บาท
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ฯปรับคำแนะนำจาก"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป็น"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยออยล์(TOP) พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากเดิม 66 บาท(เป้าปี 55)ไปใช้เป้าปี 56 ที่ 79 บาท โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปีนี้ไว้ตามเดิม คาดกำไรสุทธิในปีนี้ประมาณ 8,864 ล้านบาทลดลง 40%yoy
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดได้รับรู้ถึงผลขาดทุนใน 2Q55 และการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ไปแล้ว และคาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับแนวโน้มของราคาน้ำมันและผลประกอบการที่จะกลับมาฟื้นตัวใน 2H55 และปี 56 มากกว่า
TOP ประกาศผลประกอบการ 2Q55 ออกมาขาดทุนสุทธิ 6,903 ล้านบาทมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะขาดทุนเพียง 6,000ล้านบาท และปรับตัวลดลงจากที่มีกำไรสุทธิ 7,226 ล้านบาทใน 1Q55 และ 3,245 ล้านบาทใน 2Q54 ผลประกอบการที่ออกมาขาดทุนส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนในรายการพิเศษคือ มีผลขาดทุนในสต๊อกน้ำมันดิบประมาณ 8,200 ล้านบาท(Stock loss 10.4$/bbl)ลดลงจากที่มีกำไรสต๊อกน้ำมันดิบประมาณ 3,900 ล้านบาทใน 1Q55 (Stock Gain 5$/bbl) และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 578 ล้านบาทลดลงจากที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,156 ล้านบาทใน 1Q55 และ 27 ล้านบาทใน 2Q54
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการของ TOP ใน 3Q55 จะกลับมาฟื้นตัว เนื่องจากคาดว่าการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมากเหมือนใน 2Q55 จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง เพราะมองราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงใน 2Q55 ได้สะท้อนปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปไปแล้วขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะหนุนให้ราคาน้ำมันกลับมาเพิ่มขึ้น ส่วนการดำเนินงานปกติคาดว่าจะยังขยายตัวโดยค่าการกลั่นคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นโดยมีปัจจัยหนุนจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสิงคโปร์และอินเดีย
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น TOP ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นในระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก แม้TOP ขาดทุนหนัก 6,903 ล้านบาทตามคาดจากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน US$10.4/บาร์เรล ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์แย่ลงทั้ง Q-Q และ Y-Y จาก Product spread ที่เหลือเพียง US$380/บาร์เรล -21% Q-Q, -15% Y-Y แต่แนวโน้มกำไร 2H12 ฟื้นตัว