สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า ศาลอาญามีคำพิพากษาให้นายวิชัย ชัยสถาพร อดีตประธานกรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) (NIPPON) มีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 281/2 307 308 311 312 และ 313 กรณีทุจริต เบียดบัง ยักยอกทรัพย์สินของบริษัท รวมถึงปลอมแปลงเอกสารและลงบัญชีเป็นเท็จจึงพิพากษาลงโทษจำคุก 20 ปี โดยโทษจำคุกรอลงอาญา 3 ปีและปรับ 2,540,000 บาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พ.ค.53 ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายวิชัย กรณีกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต เบียดบัง ยักยอกทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนเองและบุคคลอื่น โดยได้ปลอมแปลงเอกสารในการสั่งซื้อหลักทรัพย์เพื่อลวงให้บริษัทจ่ายเงินออกจากบัญชีให้แก่ตนเองและบุคคลอื่น และได้ยักยอกหลักทรัพย์และเงินค่าขายหน่วยลงทุนของบริษัทไปเป็นของตน ทำให้ได้รับประโยชน์เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 179.6 ล้านบาท จนทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
รวมทั้งได้ปลอมแปลงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท ทำให้บัญชีของบริษัทแสดงเงินลงทุนในหลักทรัพย์และบัญชีรายได้ไม่ตรงกับความเป็นจริงเพื่อลวงบุคคลอื่น ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 307 308 311 312 และ 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ หลังจากที่นายวิชัยได้มาสารภาพความผิดต่อ ก.ล.ต. และ ก.ล.ต. ตรวจพบว่า นายวิชัยได้กระทำความผิดจริง
เมื่อวานนี้ ศาลอาญามีคำพิพากษาว่านายวิชัย มีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ประมวลกฎหมายอาญา โดยลงโทษ (1) ฐานเป็นกรรมการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต โดยทุจริต รวม 18 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี และปรับกระทงละ 60,000 บาท รวมเป็นจำคุก 54 ปี และปรับ 1,080,000 บาท
(2) ฐานเป็นกรรมการเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปโดยทุจริต จำคุก 5 ปี และปรับ 500,000 บาท (3) ฐานเป็นกรรมการกระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริต รวม 6 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 500,000 บาท รวมเป็นจำคุก 30 ปี และปรับ 3,000,000 บาท และ (4) ฐานเป็นกรรมการกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและลงข้อความเท็จในบัญชีหรือเอกสาร หรือทำบัญชีไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง จำคุก 5 ปี และปรับ 500,000 บาท
รวมโทษจำคุก 94 ปี ปรับ 5,080,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 47 ปี และปรับรวม 2,540,000 บาท แต่เนื่องจากโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 10 ปี จึงลงโทษจำคุกเพียง 20 ปี ตามมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
และเนื่องจากจำเลยเป็นผู้สารภาพผิดต่อ ก.ล.ต. และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเฉพาะต่อ NIPPON เท่านั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีความเสียหายใด ๆ ต่อสาธารณชน รวมถึงจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดคืน NIPPON แล้ว การกระทำของจำเลยจึงถือเป็นการสำนึกผิด และได้บรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายแล้ว โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ตามมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ ศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการอายัดทรัพย์สินของจำเลย เนื่องจากเห็นว่า จำเลยได้นำเงินมาชำระคืนแก่ผู้เสียหายครบถ้วน และคดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะอายัดทรัพย์สินของจำเลยอีกต่อไป
อนึ่ง ยังมีพฤติกรรมทุจริตลักษณะทำนองเดียวกันนี้ของนายวิชัย ที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษเพิ่มเติมไปเมื่อวันที่ 29 เม.ย.54 อยู่ระหว่างการพิจารณาสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ NIPPON ได้รับการเยียวยาความเสียหายดังกล่าวแล้ว