ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด หลังจากธนาคารกลางอังกฤษได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของเศรษฐกิจทั่วโลกอีกครั้ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 269.20 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3438.26 จุด ลบ 15.02 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6966.15 ลบ 1.80 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5845.92 บวก 4.68 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 8.6% หุ้นธนาคารบังเกีย ทะยานขึ้น 24%
ส่วนหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ห้นริโอทินโต ทะยานขึ้น 2.9% ขณะที่หุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.3%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา ในขณะที่ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด หลังจาก S&P ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่เชิงลบ จากเดิมที่มีเสถียรภาพ อันเนื่องมาจากความเป็นไปได้ที่กรีซอาจจะต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางอังกฤษได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ต่อปี จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.67% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินนั้น อาจจะคงอยู่ยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปและสหรัฐในวันนี้ โดยเวลา 15.00 น.วันนี้ตามเวลาไทย อิตาลีจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. และในเวลา 15.30 น. อังกฤษจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. ส่วนสหรัฐนั้น ในเวลา 19.30 น. กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และเวลา 21.00 น. กระทรวงพาณิชย์จะสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.