นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย (THAI) เปิดเผยถึงการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ ซึ่งมีผู้สมัครเพียง 3 ราย ว่า สาเหตุที่มีผู้สมัครไม่มากนัก อาจเป็นเพราะคิดว่าฝ่ายการเมืองวางตัวบุคคลไว้แล้ว จึงไม่อยากเสียเวลามายื่นใบสมัคร เพราะคงไม่ได้รับการคัดเลือกแน่นอน
ส่วนการระบุว่านายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานกรรมการ บมจ. อสมท (MCOT) มีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น สหภาพฯไม่เชื่อว่านายสรจักรจะสามารถแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานานได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ อำนาจและอิทธิพล ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในองค์กร ประกอบกับปัจจุบันการบินไทยยังอยู่ภายใต้การกำกับของฝ่ายการเมือง จึงไม่มีอิสระในการบริหารจัดการต่างๆ
"สหภาพฯไม่เชื่อว่านายสรจักรจะนำองค์กรให้ผ่านพ้นวิกฤติได้ เพราะธุรกิจการบินวันนี้แข่งขันกันรุนแรง และหากการเมืองยังไม่ปล่อยการบินไทย และยังเข้ามาแทรกแซงการทำงาน การบินไทยไม่มีทางผ่านพ้นวิกฤติได้แน่นอน ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก"นางแจ่มศรี กล่าว
ทั้งนี้ สหภาพฯยืนยันว่าคุณสมบัติที่สำคัญของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในภาวะเช่นนี้ คือความซื่อสัตย์สุจริต และต้องมีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อองค์กร รวมทั้งต้องศึกษาปัญหาและวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้เห็นปัญหาในภาพรวม เพราะวัฒนธรรมองค์กรของการบินไทยมีความซับซ้อนแตกต่างจากหน่วยงานอื่น
นอกจากนั้น การบินไทยต้องก้าวให้พ้นจากระบบอุปถัมภ์และระบบพรรคพวกต่างๆ ซึ่งในช่วงที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทยนั้น ปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่หมดไป เพราะเป็นเรื่องที่ฝังรากลึกในองค์กร
"ระบบอุปถัมภ์ในองค์กรเมื่อมีคนไปแตะก็เกิดแรงกระเพื่อม เกิดแรงต่อต้าน ทำให้คนดีอยู่ไม่ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะสหภาพฯไม่อยากให้ใครต้องเอาเกียรติภูมิที่สั่งสมไว้มาทิ้งไว้ที่การบินไทยอีกแล้ว"
ที่ผ่านมามีผู้ยื่นใบสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย 3 คน โดยเป็นคนนอกทั้งหมด คือ 1.นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานกรรมการ MCOT 2.หม่อมหลวงหทัยชนก กฤดากร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอคคอร์ เอเชีย แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ 3.นายกฤษเนตร ศรีประเสริฐ ที่ปรึกษาสถานทูตกาตาร์ประจำประเทศไทย