โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) จุดเด่นมีเงินสดเหลือมากรองรับแผนลงทุนระยะ 5 ปี มูลค่าราว 2 แสนล้านบาทโดยไม่ต้องเพิ่มทุน และในปี 56 ยังคงมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นเจ้าแรกที่ออกไปบุกตลาดทุกประเทศในอาเซียนแล้ว และมีการตั้งสาขาทั่วเอเชีย เป็น vision ที่สามารถตอบโจทย์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ได้
สำหรับผลประกอบการของ SCC ในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจาก Stock loss แต่ในครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ตามสเปรดปิโตรเคมี ส่วนธุรกิจปูนซิเมนต์ก็มีการเติบโตได้ดีจากโครงการของภาครัฐและเอกชนซึ่งมีการก่อสร้างมากขึ้น นอกจากนี้ SCC ยังให้ความสนใจกับสินค้าที่มี High value ด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ในช่วง 24,183-31,780 ล้านบาท และปี 56 กำไรสุทธิของ SCC จะดีขึ้นอีก โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในช่วง 34,602-36,000 ล้านบาท จากการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากที่ได้ลงทุนไปแล้ว และธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ SCC ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 400.00
บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 393.61
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 390.00
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 390.00
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 380.00
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 380.00
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 360.00
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 350.00
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า SCC มีจุดเด่นตรงที่มีเงินสดเหลือเยอะทำให้แผนการลงทุนระยะ 5 ปี มูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาททำได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน และปีหน้า SCC ก็ยังคงมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกที่ออกไปบุกตลาดทุกประเทศในอาเซียนแล้ว ดังนั้น อนาคตของ SCC ถือว่าไปได้ดี มีการตั้งสาขาทั่วเอเชีย
สำหรับผลประกอบการของ SCC ในช่วงครึ่งปีแรก(H1/55)ก็ได้รับผลกระทบจาก Stock loss อยู่มากกว่า 2,000 ล้านบาท โดย Stock loss จะหนักในไตรมาส 2/55 แต่ในครึ่งปีหลัง(H2/55)คาดว่าผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ เนื่องจากมองว่าสเปรดปิโตรเคมีน่าจะดีขึ้น ซึ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของ SCC จะมาจากส่วนของปิโตรเคมี ส่วนธุรกิจปูนซิเมนต์ก็มีการเติบโตได้ดี
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 24,183 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิอยู่ 27,000 ล้านบาท อันเป็นผลจาก Stock loss ที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรก
แต่ปีหน้ากำไรสุทธิของ SCC จะกลับมาดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 36,000 ล้านบาท ซึ่งรับผลจากการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากที่ได้ลงทุนไป และมองว่าธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ หากเข้าสู่ภาวะปกติได้กำไรที่มาจากส่วนของปิโตรเคมี โดยปกติจะมีกำไรประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาท/ไตรมาส
ด้านน.ส.วิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า มอง SCC ในแง่ของธุรกิจปูนซิเมนต์ที่เริ่มจะเด่นขึ้นจากการเติบโตขึ้นในอนาคต จากโครงการของภาครัฐ และเอกชนซึ่งมีการก่อสร้างมากขึ้น ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีต้องรอดูการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังก่อน นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทฯยังให้ความสนใจกับสินค้าที่มี High value ด้วย
"กำไรของ SCC จะฟื้นตัวจริงก็ต้องมาจากธุรกิจปิโตรเคมี เพราะเป็นรายได้หลักของเขา แต่ก็ต้องรอดูการฟื้นตัวของสเปรดปิโตรฯก่อน ส่วนธุรกิจปูนฯก็เป็นตัวช่วย แต่ในอนาคตธุรกิจปูนฯน่าจะเด่น เพราะมีการก่อสร้างเยอะขึ้น จากโครงการภาครัฐฯ และเอกชน"น.ส.วิชชุดา กล่าว
นอกจากนี้ SCC ยังมีการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศด้วย ซึ่งก็สามารถทำได้เนื่องจาก SCC มีเงินสดมาก และตรงนี้ก็เป็นวิชั่นที่สามารถตอบโจทย์ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ได้อยู่แล้ว
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 31,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว(2554)ที่มี 27,281 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 34,602 ล้านบาท อีกทั้ง SCC ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอด้วย โดยคาดว่าปีนี้จะจ่ายเงินปันผลให้ 12.50 บาท/หุ้น
ส่วนบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น SCC คาดว่าในปี 55 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 28.8 พันล้านบาท (EPS : 24.0 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5% เมื่อเทียบกับปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 27.3 พันล้านบาท แต่ในปี 56 คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวสูง 21% เป็น 34.7 พันล้านบาท (EPS : 29.0 บาท) เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น Spread ของปิโตรเคมีกระเตื้องขึ้น โดยให้ราคาพื้นฐาน 390 บาท