นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า ในปี 55 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่า 100% จากการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาฟาร์มรวม 20 โครงการ แต่เป็นการรับรู้รายได้เต็มปี จำนวน 9 โครงการ
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมยื่นจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ต่อ ก.ล.ต. ในเดือน ส.ค.นี้ มูลค่า 5 พันล้านบาท โดยนำรายได้จากโครงการโซลาฟาร์ม 1-9 เข้ากองทุน โดยเงินที่ระดมได้จะนำไปใช้พัฒนาโครงการโซลาฟาร์มที่ 17-34 อย่างไรก็ตามบริษัทได้เตรียมแผนรองรับการพัฒนาโครงการ 17-34 หากยังไม่สามารถจัดตั้งได้ภายในปีนี้ โดยได้เจรจากับ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในการสนับสนุนเงินกู้ระยะสั้น 1 ปี วงเงิน 1.4-2.4 พันล้านบาท
บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งโครงการโซลาฟาร์ที่ 1-9 อีก 20% เป็น 7.46 เมกะวัตต์/โครงการ จากเดิม 6.1 เมกะวัตต์/โครงการ ใช้เงินลงรวม 1 พันล้านบาท คาดมีข้อสรุปภายในปีนี้
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่เข้าซื้อใบอนุญาตโซลาฟาร์ม 1 ราย กำลังผลิต 6 เมกะวัตต์ มี adder 8 บาท เป็นเวลา 10 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการทำดีลดิลิเจ้นท์ หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อ 30 มิ.ย.55 ได้อนุมัติให้คณะกรรมการได้เข้าศึกษา คาดสรุปในเดือน ก.ย. ใช้เงินเข้าไลเซ่นกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเตรียมเข้าซื้อกิจการธุรกิจติดตั้งและจำหน่ายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาบ้าน (Solar Roof) อีก 1 แห่ง เข้ามีสรุป ก.ย.เช่นกัน ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท
นางสาววันดี กล่าวอีกว่า บริษัทหวังว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ในปี 56 โดยรอดูผลกำไรในปี 56 ก่อน รวมถึงการแก้ไขอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ลดลงจากที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 5 เท่าในปีนี้