นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้ที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) คาดว่าในปี 55 บริษัทจะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,020 ล้านบาท ตามรายได้และจำนวนผู้โดยสารที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งในปีนี้คาดว่าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 13% หลังจากครึ่งปีแรกทำได้ที่ 9%
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ปีนี้ที่ 2 หมื่นล้านบาทเพิ่มจากปีก่อน 1.6 หมื่นล้านบาท และจำนวนผู้โดยสาร 8 ล้านคน จากปีก่อนที่มีจำนวน 6.9 ล้านคน โดยครึ่งปีแรกมีจำนวน 4.1 ล้านคน และมีรายได้ 6,055 ล้านบาท
"กำไรโตตามรายได้ จำนวนผู้โดยสาร จำนวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น ปีนี้กำไรก็น่าจะดีกว่าปีที่แล้วเพราะวอลุ่มเยอะกว่า แต่จะดีเป็นเท่าไรขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน"นายทัศพล กล่าว
นายทัศพล กล่าวว่า บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำม้นในไตรมาส 3/55 ไว้ระดับ 44% ของปริมาณน้ำม้นที่ใช้และน้ำมันที่จะใช้ในไตรมาส 4/55 ทำไว้แล้ว 28% และกำลังเพิ่มการทำประกันความเสี่ยงอีก คาดว่าจะทำได้ถึงระดับ 40% จากนโยบายของบริษัทให้สามารถทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำม้นที่ระดับ 50% และต้นทุนน้ำมันของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 30-35%ของต้นทุนทั้งหมด
ขณะที่ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยต่อผู้โดยสารในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8-10% มาที่ระดับราคาเฉลี่ย 1,900 บาท/ตั๋ว จากปีก่อนอยู่ที่ราคาเฉลี่ย 1,850 บาท/ตั๋ว โดยครึ่งปีแรกราคาเฉลี่ยที่ 1,860 บาท/ตั๋ว เนื่องจากมีการเปิดเส้นทางบินใหม่ ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดใหม่ 7 เส้นทาง และราคาตั๋วเส้นทางต่างประเทศมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าเส้นทางในประเทศ
รวมทั้ง บริษัทได้เปิดจุดบินใหม่ 7 จุดในครึ่งปีแรก ได้แก่ ฉงชิ่ง เชนไน โคลัมโบ ตรัง นครพนม เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3-6 เดือนที่จะทำให้ราคากลับมาสูงขึ้น เพราะช่วงแรกต้องมีการทำโปรโมชั่น ส่วนครึ่งปีหลังจะเปิด 3 จุดบินใหม่ ได้แก่ มัณฑะเลย์ และอีก 2 เมืองในจีน
นอกจากนี้ การเติบโตของบริษัทมาจาการเพิ่ม capacity จากการขยายฝูงบิน ตามแผนในปี 59 บริษัทจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินเป็น 48 ลำจากปัจจุบัน มีจำนวน 27 ลำ ซึ่งครึ่งปีหลังจะรับมอบ 3 ลำเป็น 27 ลำในสิ้นปี 55, ปี 56 เพิ่มเป็น 33 ลำ, ปี 57 เพิ่มเป็น 38 ลำ, ปี 58 เพิ่มเป็น 43 ลำ ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะเติบโตได้ปีละประมาณ 20-25%
นายทัศพล กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 2/55 มูลค่าทางบัญชี (B/V)ของ AAV เพิ่มเป็น 4.19 บาท จากเดิม 0.08 บาท เป็นบันทึกทรัพย์สินตามสัดส่วนที่เข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 55% ในสายการบินไทยแอร์เอเชีย (TAA) จากเดิม 51% ทำให้ AAV มีสินทรัพย์ จำนวน 29,399 ล้านบาทในไตรมาส 2/55จากไตรมาส 1/55 ที่มีสินทรัพย์ 2,576 ล้านบาท เป็นการสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของ AAV และมูลค่าทางบัญชีก็จะอยู่ตลอด ส่วนกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมจำนวน 14,690 บาทที่เป็นผลจากการเปลี่ยนวิธีการจัดทำงบการเงินรวม เป็นการบันทึกครั้งเดียว
ขณะที่ P/E ในไตรมาส 2/55 อยู่ที่ 0.9 เท่า จาก 17 เท่าในไตรมาส 1/55 ฉะนั้น จึงคาดหวังว่าราคาหุ้น AAV ที่เทรดในตลาดหลักทรัพย์น่าจะสะท้อนพื้นฐาน ทั้งรายได้ กำไร และสินทรัพย์ของบริษัท