ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ และส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาเกือบตลอดทั้งวัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 10.45 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 13,165.19 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 1,402.80 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 7.39 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 3,018.64 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยายตัว 1.8% ในเดือนก.ค. จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งชะลอลงจากระดับ 2.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.ลดลง 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากปรับลง 2.1% ในเดือนมิ.ย.
การร่วงลงของตัวเลขเงินเฟ้อในประเทศจีนสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณการชะลอตัว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา และยังบดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ส.ค. ลดลง 6,000 ราย มาอยู่ที่ 361,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 367,000 ราย และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 370,000 ราย บ่งชี้ตลาดแรงงานอาจเริ่มปรับตัวมีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือนเม.ย. หดตัวลง 10.7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.292 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยเป็นผลมาจากตัวเลขนำเข้าที่ร่วงลงเพราะราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ขณะที่การส่งออกปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพัลท์กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นเคบี โฮม ดีดตัวขึ้น 6.3% และหุ้นเบเซอร์ โฮมส์ ยูเอสเอ ทะยานขึ้น 4.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ โดยเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค. และในเวลา 01.00 น. (เช้าวันที่ 11 ส.ค.) สหรัฐจะเปิดเผยดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค.