HEMRAJ ปรับเป้าขายที่ดินปี 55 เป็น 2.3 พันไร่หลัง H1 ทำได้ 1.5 พันไร่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 13, 2012 12:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2555 เป็นครั้งที่ 3 เป็น 2,300 ไร่ จากเป้าหมายเมื่อต้นปีที่ 1,500 ไร่ จากการที่นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ใน 10 ไตรมาสล่าสุด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯได้มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,447 ไร่ (578 เอเคอร์ หรือ 231 เฮคตาร์) โดยมีสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 67 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 44 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 23 ราย

นอกจากนี้ การลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงแข็งแกร่ง รวมไปถึงธุรกิจขนส่ง อุตสหกรรมอิเล็กทอรนิกส์ อุตสาหกรรมสำหรับผู้บริโภค และอื่นๆ การเติบโตของการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2555 มีเป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ 2.2 ล้านคัน และเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ถึง 3 ล้านคัน ในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HEMRAJ กล่าวว่า สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 6 ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันการรับรู้รายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 ซึ่งสะท้อนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ รายได้รวมของบริษัทฯยังสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคร้อยละ 14 อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของกำลังการผลิตของโรงงานในปี 2554 และยังมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 31,038 ตารางเมตรหรือร้อยละ 20 จากปีสิ้นปี 2555 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 31,565 ตารางเมตร ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทั้งด้านการก่อสร้างและการตลาด บริษัทฯได้เริ่มโครงการเหมราช โลจิสติกส์พาร์คจำนวน 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในและรอบๆนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง ในบริเวณอีสเทิร์ทซีบอร์ดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ในไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 93.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 201 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.010 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 233 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 ปี 2555 เท่ากับ 232.3 ล้านบาท

สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 954.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50335 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 และมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,189.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 123 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 เนื่องมาจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น และมีรายได้สุทธิของผลการดำเนินงานจำนวน 954.5 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 963.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 93.5 ล้านบาท ของงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2554

สำหรับธุรกิจพลังงาน โครงการเกคโค่วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าไอพีพีขนาด 660 MW ได้เริ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ซึ่งล้าช้ากว่าความคาดหมาย

นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ภาพรวมของรายได้และผลการดำเนินงานสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้จากโอกาสทางธุรกิจ

บริษัทฯ ตระหนักถึงความท้าทายอันเกิดจากสภาพเศรษฐกิจของโลกและความเป็นได้ของการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในประเทศไทยนั้นเกิดจากการย้ายฐานการลงทุนซึ่งเป็นเพราะต้นทุนของค่าเงินและความสามารถในการเข้าถึงตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ดีกว่า บริษัทฯ มีการบริหารและป้องกันความเสี่ยงของกำไรและเงินปันผลที่สามารถคาดการณ์ได้ที่ปรับปรุงอยู่เสมอ และบริษัทฯ ยังจะคงกลยุทธในการสร้างสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ