SYNEX เผยครึ่งปีหลังเน้นเพิ่มความหลากหลายขยายตลาดสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 14, 2012 13:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย)(SYNEX) เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะหันมาขยายตลาดอุปกรณ์ไอทีในกลุ่มสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เพิ่มมากขึ้น หลังจากพบว่าปัจจุบันลูกค้าหันมาใช้สินค้าไฮเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ด้วยการเพิ่มความหลากหลายให้กับตัวสินค้า โดยเฉพาะสินค้าใหม่ ๆ ที่พัฒนาตามเทคโนโลยีที่สูงขึ้น เพื่อรองรับให้ทันกับทุกความต้องการของลูกค้า

“ปัจจุบันเทรนด์การใช้สินค้าและอุปกรณ์ไอทีได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยพบว่าลูกค้าหันมานิยมใช้สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น และส่งผลต่อเนื่องให้ตลาดโน้ตบุ๊คชะลอตัวลง ซินเน็คฯ จึงได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมาทำตลาดสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกันเทรนด์ของลูกค้า

ในขณะเดียวกันก็พยายามกระตุ้นความต้องการของลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตลาดเติบโตควบคู่ไปกับกลุ่มสินค้าไฮเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ซอฟต์แวร์ล่าสุดอย่าง Windows 8 จะออกมาทำตลาดเพิ่มคาดว่าจะกระตุ้นอุตสาหกรรมไอทีให้กลับมาคึกคักได้ โดยเฉพาะตลาดโน้ตบุ๊ค"นายสุพันธุ์ กล่าว

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า การปรับตัวให้สอดคล้องกันสถานการณ์อย่างต่อเนื่องของบริษัท มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการในครึ่งปีหลังนี้ให้กลับมาเติบโตได้สูงกว่าครึ่งปีแรกได้สำเร็จ และจะผลักดันให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตกว่าปี 54 ได้เช่นเดียวกัน โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวม 20,268.55 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 376.98 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ คาดว่าจะยังรักษาการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรมไอทีทั้งระบบเอาไว้ได้ หลังจากพบว่าภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีในปีนี้จะชะลอตัวลง ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และผลกระทบจากภาครัฐชะลอการใช้งบประมาณเกี่ยวกับไอที เนื่องจากรัฐบาลต้องเร่งใส่งบประมาณไปสู่การฟื้นฟูหลังอุทกภัยครั้งใหญ่เป็นกรณีเร่งด่วนก่อน จึงคาดว่าปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีจะเติบโตลดลงประมาณ 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะโตในอัตรา 12%

ทั้งนี้ SYNEX รายงานผลประกอบการประจำงวด 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.55) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 80.15 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 54 ที่ทำได้ 107.64 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมไอที ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการขยายตัวลดลงของกลุ่มสินค้าโน้ตบุ๊ค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ