นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บมจ.บ้านปู(BANPU) ตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินในปี 56 เพิ่มขึ้นเป็น 46 ล้านตัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีปริมาณขาย 44 ล้านตัน ส่วนรายได้ในปี 56 คาดว่าจะประเมินได้ในช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค.55 หลังจากสรุปการทำสัญญาขายล่วงหน้าสำหรับปี 56 ก็จะคาดการณ์ราคาขายได้ โดยขณะนี้ได้ทยอยเจรจากับลูกค้าแล้ว สำหรับในปี 58 คาดว่าปริมาณขายถ่านหินจะเพิ่มเป็น 55 ล้านตัน
ส่วนปี 55 บริษัทยังคงคาดการณ์รายได้รวมจะเติบโต 3-5% จากปีก่อน ซึ่งมาจากทั้งธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้า แต่ในแง่ของกำไรคงต้องประเมินทิศทางราคาถ่านหินอีกสักระยะหนึ่ง รวมถึงรอดูผลของการปรับลดรายจ่ายและต้นทุนที่คาดว่าจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 3/55 นี้
"ภาพรวมบริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ซึ่งธุรกิจไฟฟ้า กับธุรกิจถ่านหินที่กำหนดราคาแล้วคิดเป็นหนึ่งในสามของผลการดำเนินงานทำให้สามารถจ่ายป้นผลได้และฐานการเงินแข็งแกร่งพอ ถึงแม้ว่าราคาถ่านหินในตลาดจะอ่อนตัวลง"นางสมฤดี กล่าว
บริษัทมองว่าปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังปี 55 น่าจะดีขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปีตามความต้องการในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยทั้งปีก็ยังไม่น่าจะสูงกว่าครึ่งแรกของปี 55 ถึงแม้ว่าช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาถ่านหินอ้างอิงออสเตรเลียจะปรับเพิ่มขึ้น 5 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่เหนือระดับ 90 เหรียญ/ตัน หลังจากที่เคยปรับลงไปที่ 85-87 เหรียญ/ตัน
นางสมฤดี กล่าวว่า ไตรมาส 3/55 และไตรมาส 4/55 น่าจะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นของราคาถ่านหินตามช่วงฤดูกาลที่ความต้องการใช้ถ่านหินในสหรัฐและจีนสูงขึ้น รวมทั้งความต้องการในยุโรป และลูกค้าโรงงานเหล็กที่ใช้ถ่านหินความร้อนสูง ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจและจะส่งผลต่อราคาถ่านหิน อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาถ่านหินในรอบนี้ที่ปรับขึ้นคงจะยังไม่เท่ากับราคาเฉลี่ยในปี 54 ที่ราคาถ่านหินในอินโดนีเซียเฉลี่ยอยู่ที่ 97 เหรียญ/ตัน แต่ขณะนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 95 เหรียญ/ตัน โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยในปี 55 จะต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในปี 54 ประมาณ 2 เหรียญ/ตัน
ส่วนปริมาณขายถ่านหินในครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยในไตรมาส 3/55 ปริมาณขายถ่านหินในอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/55 ที่มีปริมาณขาย 6.8 ล้านตัน ส่วนที่ออสเตรเลีย ปริมาณขายเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนตันในไตรมามส 3/55 เป็น 3.3 ล้านตัน