SSIจะเพิ่มทุน 413ล้านดอลล์ตามแผนจัดโครงสร้างการเงิน,ดึงVanomet ถือหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 14, 2012 20:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI)จัดโครงสร้างทางการเงินแบบเบ็ดเสร็จ (Comprehensive Financial Plan) ยกเลิกสัญญารักษาสถานะ (Standstill Agreement) และเปลี่ยนสถานะวงเงิน เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว เพิ่มทุน 413 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเซ็นสัญญา VANOMET AG ผู้ค้าเหล็กโลกรายสำคัญ เข้าร่วมลงทุนในวงเงินไม่เกิน 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือจำหน่ายผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุนเฉพาะเจาะลง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ส่งผลอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงจาก 3.1 เหลือ 1.6 เท่า พร้อมรองรับวงจรอุตสาหกรรมเหล็กโลกอย่างมั่นคง และโอกาสขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆทั่วโลก

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ได้มีลงนามในบันทึกข้อตกลงการเข้าร่วมลงทุนของ Vanomet (Memorandum of Understanding for Vanomet Strategic Investment) ระหว่างบริษัทฯ SSI UK และ Vanomet Holding AG (Vanomet) และกลุ่มสถาบันการเงินผู้สนับสนุนทางการเงินระยะยาวในการเข้าร่วมลงทุนของ Vanomet Holding AG ในบริษัทฯ และ SSI UK

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เข้าลงนามใน "บันทึกข้อตกลงการให้ความสนับสนุนทางการเงิน" (Memorandum of Understanding for Financial Backing) ระหว่างบริษัทฯ กลุ่มสถาบันการเงินผู้สนับสนุนเงินกู้ยืมเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 3 ราย (เจ้าหนี้ระยะสั้น) และกลุ่มสถาบันการเงินผู้สนับสนุนเงินกู้ยืมระยะยาว โดย เปลี่ยนสถานะวงเงินกู้ยืมของเจ้าหนี้ระยะสั้นเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวอายุ 3 ปี แบบทยอยชำระคืนเงินต้น

การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางการจัดโครงสร้างทางการเงินแบบเบ็ดเสร็จ (Comprehensive Financial Plan) เพื่อให้บริษัทฯและบริษัทย่อยมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ซึ่งประกอบด้วยแผนการระดมทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มเติม และการบริหารจัดการเงื่อนไขเงินกู้ยืม ประกอบด้วย

1. Vanomet ซึ่งเป็นผู้ค้าเหล็กและมีความชำนาญด้านเหล็กรายสำคัญของโลก มียอดขายปีละ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯตกลงที่จะเข้าร่วมลงทุนในวงเงินรวมไม่เกิน 170 ล้านเหรียญสหรัฐในรูปแบบของการให้วงเงินกู้ระยะสั้นสำหรับ SSI UK จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และวงเงินกู้ยืมเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับ SSI UK จำนวน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีการเปลี่ยนวงเงินกู้ระยะสั้นนี้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัทฯ ทั้งจำนวน และในส่วนของวงเงินกู้ยืมเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับ SSI UK จำนวน 70 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น Vanomet สามารถเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัททั้งหมดหรือบางส่วน

2. บริษัทฯ ตกลงที่จะเปลี่ยนค่าสินค้าเหล็กแท่งแบนล่วงหน้าที่บริษัทฯ จ่ายให้แก่ SSI UK จำนวน 125 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน SSI UK เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ 3.บริษัทฯ และกลุ่มสถาบันการเงินตกลงยกเลิกสัญญารักษาสถานะ (Standstill Agreement) โดยเปลี่ยนสถานะวงเงินกู้จากเงินกู้ยืมเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะยาวอายุ 3 ปี แบบทยอยชำระคืนเงินต้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

4. การลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนโดยซื้อคืนหุ้นกู้แปลงสภาพคงค้างของบริษัทฯจำนวนประมาณ 2,097 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ยืมด้อยสิทธิพร้อมดอกเบี้ยจำนวนไม่เกิน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ และ การเพิ่มทุนโดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพื่อระดมทุนจำนวนไม่เกิน 413 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายวิน กล่าวว่า บริษัทฯจะเสนอเรื่องต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติเพิ่มทุน โดยบริษัทฯจะนำเงินที่ได้ไป 1. เพิ่มทุนใน SSI UK จำนวนไม่เกิน 170ล้านเหรียญสหรัฐ SSI UK จะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นและเงินกู้ยืมเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งหมดหรือบางส่วนที่ Vanomet เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามบันทึกข้อตกลงการร่วมทุน 2. นำไปใช้ซื้อคืนหุ้นกู้แปลงสภาพคงค้างของบริษัทฯในวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาท 3.นำไปชำระคืนเงินกู้ยืมด้อยสิทธิพร้อมดอกเบี้ยจำนวนไม่เกิน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 4. ที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ ลดหนี้ และ/หรือหมุนเวียนในบริษัทฯ และ SSI UK

"การจัดโครงสร้างทางการเงินครั้งนี้รวมทั้งการเข้ามาร่วมทุนของ Vanomet จะทำให้โครงสร้างเงินทุนของเอส เอสไอมีความแข็งแกร่งเพียงพอพร้อมรองรับวงจรอุตสาหกรรมเหล็กโลกได้อย่างมั่นคง อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)ลดลงจากประมาณ 3.1 เป็น ประมาณ 1.6 มีความยืดหยุ่นทางการเงิน เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง และสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ประการสำคัญ คือการส่งเสริมตำแหน่งทางการตลาดผ่านความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีกับ Vanomet มายาวนาน รวมถึงขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ๆทั่วโลก"

นาย Ruedi Mathis CEO Vanomet Holding AG กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมธุรกิจกับ SSI ที่เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียนและมีประสบการณ์ ความมุ่งมั่นในการบุกเบิกธุรกิจอุตสาหกรรมเหล็กมายาวนานของไทย เมื่อผนวกด้วยความเชี่ยวชาญประสบการณ์ของ Vanomet ในด้านการค้าเหล็กทั้งการจัดหาวัตถุดิบ การขาย และการเป็นที่ปรึกษา จะส่งเสริมให้ธุรกิจของเอสเอสไอเติบโตและมั่นคงต่อไป

สำหรับผลการดำเนินงานของเอสเอสไอไตรมาสที่ 2/55 มีผลขาดทุนสุทธิ 5,022 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 2,841 ล้านบาท ในไตรมาส 1/55 และขาดทุนสุทธิ 1,053 ล้านบาท ในไตรมาส 2/54 ผลประกอบการเป็นไปตามการคาดการณ์ของบริษัทในสภาวะอุตสาหกรรมเหล็กที่ไม่แน่นอน แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด เพราะผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป ราคาเหล็กลดลง ค่าใช้จ่ายของธุรกิจโรงถลุงที่เกิดจากการลงทุนเพิ่มและการเลื่อนกำหนดผลิต และ ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนตั้งสำรองค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือและตั้งสำรองจากภาระผูกพันตามสัญญาซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนรวม 451 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนรักษาระดับการขายได้ในระดับปกติ แม้จะประสบปัญหาทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอนและโครเมียม HRC Rolling Margin ดีขึ้นเป็นร้อยละ 15.8 ส่วนธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ประเทศอังกฤษ เริ่มผลิต 18 เมษายน 2555 และส่งเหล็กแท่งแบนให้โรงงานเหล็กแผ่นรีดร้อนบางสะพานแล้ว 134,000 ตัน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555

นายวิน วิริยประไพกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกและภาวะตลาดเหล็กโลกผันผวนมากในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำให้ราคาเหล็กและวัตถุดิบต่างๆซึ่งปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากเดือนมกราคม กลับลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงปัจจุบันเช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบ ถึงแม้ว่าธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทฯจะกลับมามีค่าการรีดที่ดีขึ้นและมีกำไรขั้นต้นที่ดี และธุรกิจโรงถลุงเหล็กจะสามารถเริ่มผลิตได้เป็นผลสำเร็จตั้งแต่กลางเดือนเมษายนและสามารถมีผลผลิตที่น่าพอใจใน 4 เดือนที่ผ่านมาถึงจะยังเพิ่มผลผลิตไปยังไม่เกินจุดคุ้มทุน ทั้ง 2 ธุรกิจกลับต้องมาตั้งสำรองค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือ ณ ปลายไตรมาสทำให้ผลประกอบการไตรมาสนี้ไม่สะท้อนให้เห็นถึงธุรกิจหลักของบริษัทที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่สำคัญสำหรับบริษัทฯในครึ่งปีหลังคือ การทำกำไรและการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ซึ่ง 1) แนวโน้มยอดขายของกลุ่มในปีนี้น่าจะเข้าเป้าหมาย 60,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ สืบเนื่องจากการมีผลิตเหล็กแท่งแบนป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับตนเองได้อย่างสม่ำเสมอ 2) ราคาเหล็กและวัตถุดิบซึ่งปรับตัวลงมา เริ่มจะปรับฐานและทรงตัว ซึ่งจะทำให้ค่าการถลุงและค่าการรีดกลับมาปกติ 3) แผนการเพิ่มทุนของบริษัทฯที่จะขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ และการเน้นการบริหารสภาพคล่อง จะทำให้บริษัทฯมีหนี้สินลดลงและมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ