(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งแคบ เหตุไร้ปัจจัยใหม่หนุนแต่ยังติดตามปัจจัยนอกปท.

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่อะไรเข้ามา ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ก็มีการปิดกระจัดกระจาย โดยนักลงทุนยังเฝ้าระวังสถานการณ์ในยุโรปอยู่ ขณะเดียวกันก็ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยวันนี้ก็จะมีการประกาศตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯงวดเดือน ก.ค. ก็ต้องติดตามดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันยังทรงตัวให้อยู่ในระดับ 93 เหรียญฯ/บาร์เรลได้ก็เป็นการช่วยหยุงดัชนีฯให้อยู่ในระดับสูงได้ในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ดี ดัชนี SET ได้ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงเทรดด้วย Book value ที่ 2.14 เท่า ซึ่งปกติจะเป็นจุด peak ที่เตรียมจะวกกลับ แต่ตอนนี้ดูแล้วยังเทรดได้ แต่ก็ควรจะระวังการลงทุนไว้บ้างด้วย

สำหรับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็เกือบจะประกาศออกมาหมดแล้ว ดังนั้นนักลงทุนควรจะเลือกลงทุนหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง(H2/55)ซึ่งก็คือหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะแกว่งตัวในทางลบเล็กน้อย

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,215-1,220 จุด แนวต้าน 1,230-1,233 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(14 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,172.14 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด(+0.02%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,403.93 จุด ลดลง 0.18 จุด(-0.01%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,016.98 จุด ลดลง 5.54 จุด (-0.18%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดวันนี้ นิกเกอิญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 30.40 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 166.39 จุด เวทเต็ดไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.56 จุด FBMKLCI มาเลเซีย ลดลง 1.56 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 1.10 จุด และ FTSE STI สิงคโปร์ ลดลง 9.81 จุด เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.24 จุด ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันฉลองอิสรภาพ
• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(14 ส.ค.)ที่ระดับ 1,226.82 จุด เพิ่มขึ้น 7.45 จุด(+0.61%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 9.69 ล้านบาทเมื่อ 14 ส.ค.55
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 93.43 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.70 ดอลลาร์ฯหรือ 0.8%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(14 ส.ค.)ปิดทำการที่ 10.4 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 31.50/52 อ่อนค่าตามภูมิภาค
• นักวิเคราะห์ประเมินราคาข้าวเพิ่ม30-40 ดอลลาร์ต่อตันพุ่งขึ้น 10% ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หลังทั่วโลกเผชิญพิบัติภัยธรรมชาติ ส่งผลอุปทานข้าวโลกส่อตึงตัว "อินโดนีเซีย" เดินเกมเร็วตกลงซื้อข้าวเวียดนาม 5 แสนตัน ด้าน "พาณิชย์" ลังเลออกเงื่อนไขประมูลสต็อกรัฐ รอทิศทางตลาดข้าวโลกหวังอินเดียแตะเบรกส่งออก
• โยน ปตท. ช่วยตรึงดีเซล 30 บาท รัฐหันมาอุ้มเบนซินแก๊สโซฮอล์ เอ็นจีวี แอลพีจีภาคครัวเรือนแทน ปล่อยแอลพีจีขนส่งขยับ 25 สต., นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้การลดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซลเหลือศูนย์บาทแล้ว ไม่สามารถหาส่วนลดเพื่อมาช่วยพยุงราคาไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ได้อีก แต่ผู้ค้าน้ำมันก็ไม่ควรขึ้นราคาขายปลีกดีเซล
• ณัฐวุฒิ เสนอ กนย.ขอเงินเพิ่มอีกอุ้มราคายางหลังขอ ครม.ให้ไป 1.5 หมื่นล้านแล้วแต่ก็ไม่พอ, ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโครงการบริหารพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง หรือโครงการ1.5 หมื่นล้านบาทเมื่อวันที่ 14 ส.ค.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้กับโครงการรักษาเสถียรภาพยางพาราเพิ่มอีก
• ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะยังขยายตัวได้ดีในอัตรา 5.6-5.8% โดยในไตรมาส 3 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.4% และในไตรมาส 4 คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ถึง 16.45% โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้
• กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า มีกำไรสุทธิ 510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยธนาคารมีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่รวมทั้งสิ้น 1.26 หมื่นล้านบาททำให้มียอดวงเงินสินเชื่อสะสม 1.65 แสนล้านบาท และมียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อที่ 6.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 6.5%

*หุ้นเด่นวันนี้

• กลุ่มธนาคาร(ทรีนี้ตี้)ใกล้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลช่วยหนุนราคาหุ้น โดย SCB คาดปันผล 1 บาท/หุ้น คิดเป็น DY 0.63% KBANK คาดปันผล 1 บาท/หุ้น DY 0.57% BBL คาดปันผล 2 บาท/หุ้น DY 1% TCAP คาดปันผล 0.5 บาท/หุ้น DY 1.48% BAY คาดปันผล 0.35 บาท/หุ้น DY 1.08% KK คาดปันผล 1 บาท/หุ้น DY 2.44% และ KTB ประกาศปันผลแล้ว 0.36 บาท/หุ้น (28 ส.ค.2555) DY 2.14% จึงแนะนำ"ซื้อ"ทุกหลักทรัพย์
• INTUCH(ทรีนีตี้)แนะ"ซื้อ"กำไรไตรมาส 2/55 เพิ่มขึ้น 30%yoy ในหุ้น SET50 ที่มีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องและมั่นคง
• SIRI(โกลเบล็ก)"ซื้อเก็งกำไร"หลังประกาศงบ 2Q55 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 40%YoY และ 32%QoQ จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการจำนวนมาก นอกจากนั้นบริษัทยังเตรียมเปิดการขาย"ดีคอนโด"จำนวน 396 ยูนิต มูลค่าโครงการ 731 ล้านบาท คาดผลประกอบการปี 55 เติบโตต่อเนื่อง
• BANPU(ดีบีเอสฯ)"ซื้อ"เป้า 533 คาดกำไรสุทธิ 2Q55 ออกมาดี มีกลยุทธ์รับมือความผันผวนของราคาถ่านหิน คาดราคาถ่านหินน่าจะ Bottom ไปแล้วที่ 80 US$/ตัน ในปี 56 น่าจะเป็นปีที่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซเพราะอุปสงค์กำลังเติบโต ดังนั้นราคาของ Shale gas ต่ำก็จะไม่ได้ยั่งยืน