โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERW)จากธุรกิจโรงแรมที่เริ่มฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาส 2/55 ทุกโรงแรมของ ERW เพิ่มเป็น 73% YoY และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(RevPar)เพิ่มขึ้น 9% YoY ประกอบกับมีรายได้มากขึ้นจากโรงแรมนาคารีสอร์ต ภูเก็ต หลังปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ และโรงแรม IBIS หัวหินอีกด้วย
แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังของ ERW ช่วงไตรมาส 3/55 เข้าสู่ Low Season คาดยังคงขาดทุนอยู่ แต่เชื่อจะฟื้นกลับมามีกำไรในไตรมาส 4/55 แม้อาจจะต่ำกว่าระดับปกติเล็กน้อย เนื่องจากมีโรงแรมเปิดใหม่ช่วงเดือน ธ.ค.ก็จะมีค่าใช้จ่ายช่วงการเปิดโรงแรมประมาณ 20-30 ล้านบาท คงจะดึงกำไรลงมาเล็กน้อย แต่ก็น่าจะยังคงมีกำไรอยู่
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 3.30
บล.เอเซีย พลัส ถือ 3.10
บล.ทิสโก้ ถือ 2.80
บล.ฟิลิป ซื้อ 3.30
บล.กสิกรไทย ซื้อ 3.15
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า มองภาพรวมของ ERW ค่อนข้างดีกว่าในปีผ่านๆมาที่มีเหตุการณ์กระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งปัญหาการเมืองและน้ำท่วม ดังนั้น คาดว่าปีนี้ ERW จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 99 ล้านบาท โดยเฉพาะจากกำไรพิเศษการขายอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ประมาณ 600 กว่าล้านบาท ขณะที่ปี 54 ขาดทุนราว 90 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 2/55 แม้การดำเนินงานมีผลขาดทุน แต่ยังมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดินศรีราชาเข้ามา 19 ล้านบาท จึงทำให้มีกำไรสุทธิ โดยธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย(Occupancy Rate)เพิ่มขึ้น 73% YoY จากไตรมาส 2/54 ที่ 67% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(RevPar)จะยังทรงตัว YoY แต่จากอัตราเข้าพักที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้รายได้โตขึ้น 16%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังนั้น ไตรมาส 3/55 เป็นช่วง Low season อยู่อาจจะยังขาดทุนเล็กน้อย แต่ไตรมาส 4/55 จะพลิกกลับมามีกำไรได้ แต่อาจต่ำกว่าระดับปกติเล็กน้อย เพราะจะมีโรงแรมเปิดใหม่ในช่วงเดือน ธ.ค.คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการเปิดโรงแรมประมาณ 20-30 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวดึงกำไรลงมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีกำไรสุทธิ
น.ส.ปรียนันท์ ตรีเพชรชูพร นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังของ ERW ในไตรมาส 3/55 ยังคงขาดทุนอยู่ แต่จะกลับมามีกำไรในไตรมาส 4/55 แต่โดยรวมจะยังไม่ดีมาก เนื่องจาก ERW มีกิจการโรงแรมเป็นหลัก ทำให้ช่วง Low Season ยังมีติดลบอยู่บ้าง แต่ถือว่าดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากโรงแรม นาคารีสอร์ต ภูเก็ตหลัง Rebrand มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยคาดกำไรทั้งปี 55 อยู่ที่ 95 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 2/55 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ไปอยู่ที่ 73% จากภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเข้ามาด้วย ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลงที่ 20% QoQ แต่มองว่าราคาปัจจุบันยังมี Upside อยู่
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ไตรมาส 2/55 ERW มีกำไรสุทธิจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายที่ดิน 19 ล้านบาท แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษ คงยังมีผลขาดทุน แต่ถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/54 ที่ขาดทุนถึง 83 ล้านบาท
ไตรมาส 2/55 ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 8% yoy ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทุกโรงแรมของ ERW เพิ่มเป็น 73% จาก 67% ในไตรมาส 2/54 และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(RevPar)เพิ่มขึ้น 9% yoy
เมื่อรวมกับการสร้างรายได้มากขึ้นของโรงแรม นาคารีสอร์ต ภูเก็ต หลังปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ และโรงแรม IBIS หัวหิน คาดว่าทำให้ธุรกิจโรงแรมมีรายได้เติบโ บวกกับรายได้ธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานจะเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมประเมินรายได้จากการดำเนินงานยังเติบโต
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/55 คาดว่ามีแนวโน้มขาดทุนอยู่ แต่จะฟื้นตัวดีขึ้นและพลิกมีกำไรอีกครั้งในไตรมาส 4/55 ที่เข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับ จะมีการเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม 2 แห่ง(Mercure และ IBIS สยาม)รวม 380 ห้องในช่วงเดือน ธ.ค.55 นอกจากนี้ ยังมีแผนขายโรงแรม 1 แห่ง หากเกิดขึ้นทันจะทำให้มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาเพิ่มเติม โดยทั้งปี 55 คาดกำไรจากการดำเนินงาน 94 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนะนำเพียง"ถือ"ให้มูลค่าพื้นฐานปี 55 เท่ากับ 3.1 บาท แม้มี upside 15.8% แต่ด้วยทิศทางการดำเนินงานทื่ไม่โดดเด่นใน 2Q55 และ 3Q55 ยังต้องเผชิญกับผลขาดทุน ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Outperform ตลาดได้ยาก