PYLON คาดรายได้ทั้งปีทะลุ 1.2 พันลบ.จาก H2/55 เข้าไฮซีซั่น-ธุรกิจฟื้นสู่ปกติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 16, 2012 13:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไพลอน (PYLON) กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ธุรกิจงานรับเหมาฐานราก (เสาเข็มเจาะ) และงานก่อสร้างได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากที่ในช่วงไตรมาส 2/2555 ที่ผ่านมา ธุรกิจได้ชะลอตัวลงเนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายชะลอการเปิดประมูลโครงการ เพื่อรอดูความชัดเจนของต้นทุนใหม่หลังใช้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งขณะนี้หลายโครงการได้เปิดประมูลงานแล้ว ทำให้มีงานเข้ามาในตลาดจำนวนมาก อีกทั้งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะได้แรงหนุนจากโครงการภาครัฐบาลเพิ่มเข้ามาอีกหลายโครงการ โดยล่าสุดมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ — รังสิต) และสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) กำลังจะเริ่มงานก่อสร้างซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมงานฐานรากให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

"หลังจากเริ่มเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 งานได้เริ่มเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้จากในเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว PYLON ได้รับงานถึง 300 ล้านบาท จึงถือได้ว่าขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจฐานรากเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังที่ถือเป็นช่วง High Seasonของธุรกิจ ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้เป้าหมายจะผลักดันรายได้ทะลุ 1,200 ล้านบาท ยังสามารถเป็นไปตามที่วางไว้ได้" นายบดินทร์กล่าว

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/55 ในงบการเงินรวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 0.095 ล้านบาท หรือ หุ้นละ 0.001 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่ทำได้ 18.396 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.09 บาท ส่วนในงวด 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน 2555) มีกำไรสุทธิ 42.835 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.21 บาท เทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 43.651 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.22 บาท ในขณะที่ในงบเฉพาะกิจการบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12.871 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.06 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่ทำได้ 16.469 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.08 บาท ส่วนงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 53.537 ล้านบาท หรือ หุ้นละ 0.27 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 41.547 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.21 บาท

นายบดินทร์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนว่า มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ปัจจัยแรกเป็นเรื่องของช่วง Low Season ของธุรกิจร่วมกับลูกค้าชะลอการเปิดประมูลโครงการเพื่อรอดูความชัดเจนของต้นทุนใหม่หลังการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท จึงทำให้มีงานน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน จึงมีผลต่อเนื่องให้ไม่เกิดการประหยัดจากขนาดการผลิต (Economies of scale) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross margin) จึงลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และขณะนี้สถานการณ์ของธุรกิจได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว

ส่วนปัจจัยที่สองมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในบมจ.พีเออี (ประเทศไทย)(PAE)จำนวน 18.2 ล้านบาท ของบริษัทย่อย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการฟ้องร้องตามกฎหมาย จึงทำให้งบการเงินรวมบริษัทย่อยมีผลประกอบการลดลงดังกล่าว


แท็ก (PYLON)   ไพลอน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ