บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT) คาดว่าปี 55 กำไรของบริษัทจะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง จากในอดีตที่เคยทำได้สูงสุดที่ 2.88 พันล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกกำไรเติบโตแล้ว 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะปรับขึ้นอัตราค่าห้องพักราว 0-5% หลังจากอัตราการเข้าพักปรับตัวดีขึ้นมาที่ประมาณ 70%
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของกำไรในช่วงปี 55-59 เฉลี่ยปีละ 15-20% โดยมีแผนใช้เงินลงทุนโครงการใหม่ ๆ ราว 1-1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทจะใช้งบลงทุนราว 5 พันล้านบาทขยายกิจการร้านอาหาร ซื้อโรงแรม และสร้างวิลล่า ส่วนปีหน้าเฉพาะงบลงทุนปกติตั้งไว้ 3-4 พันล้านบาท ไม่รวมการซื้อกิจการใหม่
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ และนักลงทุนสัมพันธ์ MINT กล่าวว่า ในปี 55 คาดกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิสูงสุดที่ 2.88 พันล้านบาท แม้จะประสบภาวะน้ำท่วม โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 1.6 พันล้านบาท เติบโต 49% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
และแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดรายได้และกำไรสุทธิยังเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่เป็นช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 1 และไตรมาส 4 และครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาห้องพักโรงแรมอีก 0-5% จากปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 5.7 พันบาท/ห้อง/คืน เนื่องจากอัตราการเข้าพักตั้งแต่ต้นปี 55-กลาง ส.ค.55 อยู่ที่ 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 61% จึงมั่นใจว่าจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 5 พันล้านบาท เพื่อใช้ขยายกิจการร้านอาหาร ซื้อกิจการโรงแรมหรูที่ จ.ภูเก็ต และสร้างวิลล่า ส่วนปี 56 ได้จัดงบลงทุนไว้ที่ 3-4 พันล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ไม่รวมการซื้อกิจการใหม่ และได้จัดงบลงทุนใหม่ในระยะ 5 ปี จำนวน 1-1.2 หมื่นล้านบาท สำหรับธุรกิจใหม่ทั้งโรงแรมและธุรกิจอาหารในและต่างประเทศ
นายชัยพัฒน์ กล่าวอีกว่า ในปี 56 คาดว่าจะสามารถปรับราคาห้องพักได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 0-5% เนื่องจากอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะทีร่บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโรงแรมอนันตรา โครงการเรสซิเด้นท์ระดับหรู โรงแรมเซนส์ รีจีส ส่วนวิลล่าที่ จ.ภูเก็ต มีจำนวน 100 หลัง เตรียมเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าปิดการขายได้ภายในปี 56 สร้างยอดขายราว 4 พันล้านบาท
ส่วนธุรกิจอาหารยังเติบโตต่อเนื่อง แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภัยธรรมชาติ หากเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วอย่างอุทกภัย ก็เชื่อว่าน่าจะมีมาตรการป้องกันได้ ส่วนถ้าเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน อย่างแผ่นดินไหว ก็อาจเป็นข้อกังวลที่จะมีผลกระทบกับธุรกิจได้
บริษัทยังได้ตั้งเป้ากำไรสุทธิใน 5 ปี(55-59) เติบโตเฉลี่ย 15-20% เนื่องจากพิจารณาจากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี บริษัทสามารถสร้างผลกำไรเติบโตได้ปีละ 22% และย้อนหลัง 10 ปีกำไรเติบโตปีละ 20% โดยขณะนี้ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ ทั้งนิวซีแลนด์ อินเดีย แอฟริกา เอเชีย อินโดจีน ศรีลังกา รวมถึงประเทศที่กลุ่มบริษัทไปลงทุนอยู่แล้ว แต่ยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก อย่างในศรีลังกาที่กำลังก่อสร้างโรงแรมเครืออนันตราอยู่ โดยแหล่งเงินจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทแต่ละปี 3,000-4,000 ล้านบาท และมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีก 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท