บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ดีลการขายหุ้น ธนาคารทหารไทย(TMB) ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 11,364.3 ล้านหุ้นหรือ 26.09% อาจจะต้องใช้เวลาในการเจรจาอีกระยะหนึ่ง
สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารช่วง 6 เดือนแรกของปี 55 มีกำไรสุทธิ 2,294.6 ล้านบาท (EPS : 0.05 บาท) ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบ YoY แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น 21%YoY เป็น 7,988.8 พันล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโต 11%YoY เป็น 2,058.8 ล้านบาท แต่ถูกชดเชยไปด้วยการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่เพิ่มขึ้น 138%YoY เป็น 2,173.9 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี นับว่าผลการดำเนินงานของธนาคารก่อนตั้งสำรองค่าเผื่อฯ มีการเติบโตที่ดีขึ้นมาก สินเชื่อ 6M55 ขยายตัวได้ 6%YTD ส่วน BVS ณ สิ้นมิ.ย.55 เท่ากับ 1.29 บาท ณ ราคาปัจจุบันที่ 1.58 บาท ซื้อขายที่ Current P/BV 1.22 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.90 เท่า
ดังนั้นจึงแนะนำ"ซื้อเก็งกำไร" TMB สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1.60-1.65, 1.70 บาท ต่ำกว่า 1.50 Stop loss
ตามที่ นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการธนาคารทหารไทย (TMB)ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศแสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น TMB ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ทั้งหมด 26.09% (โดยไม่ใช่ Maybank ของมาเลเซียและไม่ใช่ธนาคารในแถบเอเชีย ส่วน ING group ที่ถือหุ้น TMB อยู่แล้ว 25.19% ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเพราะไม่สามารถตกลงเรื่องราคากันได้ แต่ทาง ING group ก็ไม่ได้มีท่าทีจะขายหุ้นที่ถืออยู่) ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาข้อกฎหมายในการเข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเกิน 25%
วานนี้(16 ส.ค.)หุ้น TMB ปิดที่ 1.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท(+2.60%)