ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเดินหน้าขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงปกป้องยูโรของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเพิ่มกระแสคาดการณ์ให้สูงขึ้นว่า ธนาคารกลางยุโรปจะลงมือดำเนินมาตรการในเร็วๆนี้เพื่อแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งรวมถึงโครงการซื้อพันธบัตร นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 17.91 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 5,852.42 จุด สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีขยับบวกขึ้นเล็กน้อย
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีกล่าวระหว่างการเดินทางเยือนแคนาดาว่า เยอรมนีมีพันธสัญญาในการทำทุกวิถีทางเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อให้ยูโรยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนับว่าสอดคล้องกับความคิดเห็นของนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าอีซีบีจะดำเนินการภายในขอบเขตหน้าที่เพื่อปกป้องสกุลเงินยูโร
ผู้นำเยอรมนีกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ของแคนาดาเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความเห็นของนายดรากิเป็นสิ่งที่บรรดาผู้นำยุโรปได้เน้นย้ำมานับแต่วิกฤตหนี้กรีซได้ปะทุขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน และมีความสอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับแนวทางที่ผู้นำยุโรปยึดถือมาโดยตลอด
ด้านสหรัฐมีการรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค.พุ่งสูงเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสนี้ โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ระดับ 73.6 จากระดับ 72.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกับที่ระดับ 72.2 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มธนาคารเดินหน้าขึ้น เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่ายูโรโซนจะอยู่รอดปลอดภัย จากแนวโน้มที่รัฐบาลประเทศต่างๆในยุโรปจะตกลงอนุมัติการเบิกจ่ายเงินกู้งวดแรกให้ภาคธนาคารที่กำลังมีปัญหาของสเปน ตามที่ได้มีการบรรลุข้อตกลงกันไปก่อนหน้านี้ โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่ง 3.7% บาร์เคลย์ปิดบวก 3.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นลอนมินร่วง 1.8% หลังมีรายงานเหตุคนงานประท้วงที่เหมืองแพลตินั่มของลอนมินในแอฟริกาใต้ทวีความรุนแรงจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตถึง 34 นาย