ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (17 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับถ้อยแถลงปกป้องยูโรของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเพิ่มกระแสคาดการณ์ให้สูงขึ้นว่า ธนาคารกลางยุโรปจะลงมือดำเนินมาตรการในเร็วๆนี้เพื่อแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งรวมถึงโครงการซื้อพันธบัตร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 272.83 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. 2554
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3488.38 จุด บวก 7.89 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7040.88 จุด บวก 44.59 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5852.42 จุด บวก 17.91 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ระดับ 73.6 จากระดับ 72.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกับที่ระดับ 72.2 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ผู้บริโภครู้สึกได้รับอานิสงส์จากตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีกล่าวระหว่างการเดินทางเยือนแคนาดาว่า เยอรมนีมีพันธสัญญาในการทำทุกวิถีทางเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อให้ยูโรยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนับว่าสอดคล้องกับความคิดเห็นของนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าอีซีบีจะดำเนินการภายในขอบเขตหน้าที่เพื่อปกป้องสกุลเงินยูโร
หุ้นธนาคารยูนิเครดิตพุ่งขึ้น 9% หุ้นธนาคารอินเทซา ซานเปาโล ดีดตัวขึ้น 7.4%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 5.3% และหุ้นเวแดนต้า รีซอสเซส ร่วงลง 4.6% ส่วนหุ้นลอนมิน ร่วงลง 15%