พร้อมมองในอนาคตปี 59 บริษัทจะมีรายได้รวมที่ 19,500 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม 40% และธุรกิจอาหาร 60%
บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อเฟรนไชส์อาหารจากต่างประเทศ 2 แบรนด์ใหม่เป็นประเภทอาหารหนัก(heavy food) คาดว่าจะข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกันนั้นยังอยู่ระหว่างการเตรียมแผนตั้งโรงแรมประเภทบัดเจ็ทโฮเต็ลคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปลายเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งเบื้องต้นคงจะตั้งในประเทศไทยก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเน้นการเข้าไปรับงานบริหารโรงแรมมากกว่าการลงทุนตั้งโรงแรมใหม่ด้วยตัวเอง
นายรณชิต กล่าวว่า ธุรกิจอาหารในปีนี้จะเริ่มขยายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ตามแนวโน้มความเจริญต่างๆ ที่เริ่มเข้าไปตามหัวเมืองภูมิภาค โดยมองว่าปี 55 สัดส่วนของรายได้ธุรกิจร้านอาหารในกรุงเทพจะอยู่ที่ 56% ต่างจังหวัด 44% และในปี 59 สัดส่วนดังกล่าวจะปรับไปเป็น 50:50 ส่วนอัตรากำไร(Margin)ธุรกิจอาหารในปีนี้คาดว่าจะต่ำลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 15% จากปี 54 อยู่ที่ 17%
ด้านธุรกิจโรงแรมในปี 55 บริษัทศึกษาและสนใจจะเปิดโรงแรมชั้นประหยัด(Budget Hotel) ซึ่งในประเทศไทยช่วง 5 ปีก่อนโรงแรมประเภทดังกล่าวยังมีสัดส่วนน้อยมาก แต่ในปี 54 กลับได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสัดส่วนเกินครึ่งของ portfolio คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของโครงการลงทุนได้ชัดเจนภายในปลายเดือน ก.ย.นี้
กลยุทธการลงทุนในธุรกิจโรงแรมนั้น บริษัทจะหันไปเน้นนโยบายลงทุนเองไม่มากนัก แต่จะเน้นการเข้าไปรับบริหารโรงแรมมากขึ้น ตั้งเป้าปี 55 ว่าจะมีสัดส่วนโรงแรมที่ลงทุนเอง 49% และรับบริหารงาน 51% จากนั้นในอนาคตปี 59 สัดส่วนโรงแรมที่ลงทุนเองจะลดลงเหลือ 30% และรับบริหารงานถึง 70% พร้อมกับจะรุกขยายธุรกิจโรงแรมไปยังต่างประเทศมากขึ้น มองปี 55 สัดส่วนในประเทศ 88% ต่างประเทศ 12% และในปีหน้าจะปรับเป็นต่างประเทศเป็น 35% และในประเทศ 65%
สำหรับการออกไปลงทุนฝั่งยุโรปนั้น อยู่ระหว่างศึกษา แต่เบื้องต้นจะเน้นเข้าไปบริหารงานมากกว่า เพราะใช้เงินลงทุนน้อย
อนึ่ง ในปี 55 โรงแรมในเครือ CENTEL มีจำนวนทั้งสิ้น 35 โรงแรม แบ่งเป็นในประเทศ 30 โรงแรม ต่างประเทศ 5 โรงแรม ในปี 59 คาดว่าจะมีโรงแรมเพิ่มเป็นมากกว่า 80 โรงแรม เป็นโรงแรมในต่างประเทศมากกว่า 30 โรงแรม และจะมีเฟรนไชส์ร้านอาหารกว่า 16 แบรนด์ จำนวนสาขามากกว่า 800 แห่ง จากแผนปี 55 จะมีเฟรนไชส์ร้านอาหาร 12 แบรนด์ และจำนวนสาขา 673 แห่ง