นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO) คาดว่าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าร่วมทุน 40% ในโครงการเหมืองถ่านหิน “มานัมบัง เมาราอีนิม"ตั้งแต่ไตรมาส 4/55 จากปริมาณการผลิต 1.2 ล้านตัน และจะทยอยเพิ่มขึ้นจนถึงปี 59 ปริมาณการผลิตอยู่ที่ปีละ 7 ล้านตัน นอกจากนั้นบริษัทยังหาโอกาสเข้าลงทุนในอินโดนีเซียเพิ่มเติม โดยเฉพาะในธุรกิจโรงไฟฟ้า เบื้องต้นคาดว่าจะมีขนาด 600-1,000 เมกะวัตต์ แต่คงยังไม่ได้ข้อสรุปในปีนี้
"เรายังไม่มีฐานในอินโดฯ เขาชวนเรา เราเห็นโอกาสมองเป็นฐาน และก็มีพาร์เนอร์ที่มีโรงไฟฟ้าด้วย ซึ่งยังอยู่ในธุรกิจหลัก " นายสหัส กล่าว
ส่วนการลงทุนขยายโรงไฟฟ้าเควซอนในฟิลิปปินส์ขนาด 500 เมกะวัตต์คงจะเลื่อนการสรุปแผนงานออกไปเป็นไตรมาส 4/55 จากเดิมที่คาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาสนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายไฟฟ้าในฟิลิปปินส์ ซึ่งค่อนข้างยากในการหาข้อตกลง โดยหากเป็นการซื้อขายไฟฟ้าแบบ PPA หรือมีผู้รับซื้อไฟฟ้าส่วนขยาย ถ้าลงทุนเองทั้งหมดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4.5 พันล้านบาท หรือถ้าร่วมทุนกับการไฟฟ้าของฟิลิปปินส์ก็จะใช้เงินฝ่ายละประมาณ 2.25 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสเข้าลงทุนในประเทศพม่า โดยคาดว่าจะร่วมทุนกับธุรกิจท้องถิ่นในการเข้าปรับปรุงโรงไฟฟ้าเก่าที่รัฐยะไข่ ซึ่งไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่นัก ขณะเดียวกันก็ได้เจรจาโครงการโรงไฟฟ้าในสปป.ลาวเพิ่มขึ้น แต่คาดว่ายังใช้ระยะเวลา
นายสหัส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาผู้เข้ามายื่นข้อเสนอให้บริษัทเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้า 5-6 โครงการ ทั้งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ออสเตรเลีย และมองโกเลีย แต่บริษัทยังไม่สนใจและเห็นว่าโอกาสที่โครงการเหล่านั้นจะทำกำไรยังค่อนข้างยาก โดยบริษัทต้งเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 10%
ส่วนแผนงานในประเทศ บริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่ 6 โรง ขนาดโรงละ 900 เมกกะวัตต์ โดยบริษัทได้เตรียมพื้นที่ 3 แห่งโดยแต่ละแห่งสามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ 2 โรงๆละ 900 เมกะวัตต์ ทั้งนี้คาดว่าทางการจะเปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่ในปลายปีนี้