บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ(BAFS)เชื่อว่ากำไรในปีนี้จะสูงขึ้นจากปีก่อน โดยได้แรงหนุนสำคัญจากการรับรู้เงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยกรณีที่เกิดความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ขณะที่คาดว่ารายได้ในปีนี้อาจจะออกมาใกล้เคียงหรืออาจเติบโตได้ราว 1-2% ต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยคาดไว้ว่าจะเติบในระดับ 3% แม้จะเชื่อว่าครึ่งปีหลังธุรกิจการบินน่าจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ขณะที่บริษัทยังมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยตั้งงบลงทุน 500 ล้านบาทสำหรับปี 56-57 เพื่อสร้างถังเก็บน้ำมันใหม่และจัดซื้อรถเติมน้ำมันอากาศยานเข้ามามากขึ้น
นายฉัตรธัย พันธัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี BAFS คาดว่า บริษัทน่าจะทำรายได้รวมในปี 55 ใกล้เคียงปี 54 ที่มีรายได้รวม 2,409 ล้านบาท หรืออาจเติบโตขึ้นเล็กน้อย แต่ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ เนื่องจากปัญหาวิกฤตยุโรปทำให้ธุรกิจการบินซบเซาไปด้วย แต่บริษัทยังมีรายได้เพิ่มจากสายการบินต้นทุนต่ำ(Low class)ย้ายการให้บริการจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินดอนเมืองซึ่งมีอัตราค่าบริการสูงกว่า
ทั้งนี้ ในเดือน ส.ค.ผ่านมา 20 วันแรก ปริมาณการใช้น้ำมันของสนามบินสุวรรณภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 11.4 ล้านลิตร/วัน มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากเดือน ก.ค.ที่อยู่ในระดับ 11.1-11.2 ล้านลิตร/วัน
รวมถึงในปีนี้บริษัทยังมีกำไรพิเศษเพิ่มเข้ามาจากเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยกรณีความเสียหายจากน้ำท่วม 130 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกรับรู้ฯเข้ามาแล้ว 60 ล้านบาท และภายในเดือน ส.ค.นี้จะได้รับอีก 40 ล้านบาท ซึ่งจะเข้าไปหนุนกำไรหลักของบริษัท พร้อมกันนั้นยังมีกำไรจาก บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ(FPT) ที่เป็นลูกหนี้ของบริษัทจะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำแผน
ปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นใน FPT แล้ว 49% และมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ใหญ่ในสัดส่วน 95% ของมูลหนี้ทั้งหมด หลังจากได้รับการชำระหนี้จาก FPT แล้วจะช่วยให้มีกระแสเงินสดของบริษัทมีมากขึ้น และคาดว่าหลังเปลี่ยนหนี้เป็นทุนแล้ว BAFS จะเข้าไปถือหุ้น FPT มากกว่า 90%
นายฉัตรชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนรวมในปี 56-57 อยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยจะลงทุนสร้างถังเก็บน้ำมันความจุ 15 ล้านลิตร รวมถึงจะทยอยซื้อรถเติมน้ำมันเพิ่มอีก 4 คันในสนามบินดอนเมือง