บมจ.เอเชียนอินซูเลเตอร์(AI) เชื่อว่าปีนี้กำไรจะทำสถิติสูงสุด หลังจากครึ่งปีแรกมีอัตราเติบโตแล้วมากกว่า 100% จากทั้งปี 54 และครึ่งปีหลังยังคาดว่าจะเติบโตได้มากขึ้นอีก โดยรายได้ในปีนี้คาดว่าจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,500 ล้านบาททั้งธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าและไบโอดีเซล ขณะที่การย้ายมาผลิตโรงงานแห่งใหม่ช่วยประหยัดต้นทุนด้านเชื้อเพลิงได้มาก พร้อมกันนั้นบริษัทยังเตรียมมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์
นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AI กล่าวว่า ครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรที่ 119 ล้านบาท สูงกว่ากำไรปี 54 ทั้งปีที่มีกำไร 43 ล้านบาท และทิศทางครึ่งปีหลังคาดว่ากำไรจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าที่มีรายได้เพิ่มขึ้น และการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ทำให้ค่าใช้จ่ายลดน้อยลงและต้นทุนเชื้อเพลิงลดลงราว 30% ประกอบกับอัตราของเสียน้อยลงด้วย โดยกำลังการผลิตของโรงงานใหม่อยู่ที่ 6,000 ตัน/ปี
สำหรับรายได้รวมทั้งปี 55 คาดว่าจะทะลุเป้าที่ 3.5 พันล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 2.3 พันล้านบาท โดยบริษัทปรับเป้ารายได้จากลูกถ้วยไฟฟ้าในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 650-700 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายในมือรอส่งมอบ(backlog)ราว 700 ล้านบาทแล้ว และแนวโน้มธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าปี 56 คาดรายได้จะใกล้เคียงกับปีนี้
ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซลครึ่งปีแรกมีรายได้เกิน 2,000 ล้านบาทแล้ว และครึ่งปีหลังก็น่าจะเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบจะน้อยลงตามฤดูกาลแต่บริษัทก็ได้ซื้อสต็อกไว้เพียงพอต่อการผลิต เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากงานวิศวกรรมอีก โดยปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ราว 200 ล้านบาท โดยมีงานในมือแล้ว 105 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังได้สูงกว่าครึ่งปีแรกที่จ่ายในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น
นายธนิตย์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบติดตั้งแผงแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานแห่งใหม่(โครงการโซล่าร์รูฟ)ขนาด 2.6 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโซล่าร์ฟาร์มขณะนี้มีที่ดินแล้วกว่า 200 ไร่ที่ จ.สิงห์บุรี เบื้องต้นคาดว่าจะติดตั้งขนาด 20 เมกะวัตต์ แต่ขณะนี้รอกระทรวงพลังงานเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซล่าฟาร์มรอบใหม่ ซึ่งบริษัทเตรียมพร้อมจะยื่น PPA(ใบสัญญาซื้อขายไฟฟ้า)
สำหรับธุรกิจให้เช่าท่าเรือขนส่งและคลังน้ำมัน ปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่งที่ชุมพรและสมุทรสาคร ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งที่จะมาขอเช่าทั้งท่าเรือและคลังน้ำมัน โดยอยู่ระหว่างร่างสัญญา