DTAC บวก 2.97% ได้แรงดันจากต่างชาติ-ราคายัง Laggard เมื่อเทียบ ADVANC

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 22, 2012 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น DTAC ราคาวิ่งขึ้น 2.97% มาอยู่ที่ 86.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,077.33 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.30 น. โดยเปิดตลาดที่ 84.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 87.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 84 บาท

นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC) ปรับตัวขึ้นในวันนี้ คาดว่าจะเป็นแรงดันจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยเห็นว่าราคาหุ้น DTAC ยัง Laggard เมื่อเทียบกับราคาหุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC หรือ AIS) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น ADVANC ได้ปรับตัวขึ้นไปประมาณ 30% แล้ว ขณะที่ราคาหุ้น DTAC ปรับตัวขึ้นไปแค่ 15% ดังนั้นมองว่าคงเป็นลักษณะของการเล่นระยะสั้นเท่านั้น

ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วง 2 ไตรมาสแรกปีนี้(2555)ของ DTAC ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไร ดังนั้นหากมองระยะยาวยังคงมองไปที่หุ้น ADVANC มากกว่า ที่ลงทุนแล้วปลอดภัยสุดในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า

"หากมองกำไรในปี 2556 DTAC มีโอกาสที่จะโอนลูกค้า 3G มาที่บริษัทใหม่ที่จะประมูลไลเซ่นต์ และก็คงจะมีการลดจ่ายค่าสัมปทานด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่ DTAC ที่ทำตรงนี้ใคร ๆ ก็ทำได้ทั้งนั้นแม้แต่ ADVANC ตรงนี้เลยทำให้มีการมองว่าราคาหุ้น DTAC ก็ควรจะขึ้นไปด้วย"นายฐาปน กล่าว

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น DTAC เนื่องจากลักษณะธุรกิจไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจนัก, ได้รับประโยชน์สูงสุดจากใบอนุญาต 3G, คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี คือปี 55 เป็น 5.8% และปี 56 เป็น 6.1% (ให้ payout ratio เป็น 100%) และราคาปิดมีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานใหม่ที่ 120.00 บาทได้อีกถึง 42% โดยราคาพื้นฐานใหม่ได้รวมมูลค่า 3G ด้วย และใช้วิธี DCF

DTAC ได้เข้าร่วมการโรดโชว์ NDR ของ DBSV ที่สิงคโปร์ไม่นานมานี้ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับในทางบวกอย่างมาก โดยมีการประชุมกับผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์ถึง 25 ราย ความสนใจจะเน้นไปที่การประมูล 3G ทั้งนี้ DTAC วางแผนที่จะใช้เงินลงทุนถึง 40 พันล้านบาท ในช่วงเวลา 3 ปี รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตด้วย แต่เงินลงทุนเฉพาะปี 56 ยังไม่ได้เปิดเผยจนกว่าจะถึงปลายปี 55 สำหรับการ roll-out 3G ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะบริษัทสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมได้ ส่วนความเสี่ยงการปรับลงเป็นไปอย่างจำกัด เพราะนโยบายการจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำในอัตรา 80% (หลังหักเงินลงทุนที่ใช้ 3G แล้ว) และมีการจ่ายปันผลรายไตรมาส

ทางบริษัทได้คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรที่มาจาก 3G นั้นจะแข็งแกร่งตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป โดยความรวดเร็วในการย้ายจากระบบเดิมมาสู่ 3G (migration) จะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยคือ 1. ความพร้อมของเครือข่าย 3G (2.1 GHz) 2. อัตรา penetration ของตัวเครื่องโทรศัพท์ 3G และ 3. ความพร้อมของ electronic MNP (mobile number portability) คือการที่กสทช.จะอนุญาติให้ลูกค้าเปลี่ยนโครงข่ายโดยใช้ SMS ได้หรือไม่ DTAC ได้เตือนนักลงทุนว่าอย่าให้ความคาดหวัง ในการที่กำไรจะเพิ่มขึ้นมากนักใน 2 ปีแรก แต่อัตราการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ