พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.มีมติผ่านร่างประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 2.1 GHz (3จี) ที่ กทค.เสนอในกรณีการปรับเพดานการถือครองคลื่นความถี่ (Spectrum Cap)จาก 20 MHz เหลือ 15 MHz และยังคงราคาเริ่มต้นการประมูลที่ใบละ 4,500 ล้านบาทเท่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ในการประมูลไลเซ่นส์ 3จี ครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 เป็นการแข่งขันเรื่องราคา และ 2 การเลือกช่วงคลื่น โดยผู้ประกอบการที่ให้ราคาสูงสุดและชนะการประมูลมากที่สุดจะมีสิทธิ์ได้เลือกช่วงคลื่นก่อน
ทั้งนี้ พ.อ.เศรษฐพงศ์ เชื่อว่าจะไม่มีการฮั้วประมูล เพราะทุกรายจะต้องแข่งขันเพื่อเลือกช่วงคลื่นที่ดีที่สุด แม้ว่าจะมีการปรับลดเพดาน Spectrum Cap ลง เพราะหากกำหนดที่ 20 MHz อาจทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ได้เปรียบ และรายเล็กอาจจะได้คลื่นไปเพียง 5MHz เกิดการครอบงำของโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ที่มีสิทธิ์ถือครองถึง 15 ปี ซึ่งมองว่าผู้ประกอบการที่มีโอกาสเข้าประมูลมีอยู่ที่ 4 ราย
"มั่นใจ 100% ว่าจะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ไม่เกิดการประมูล ส่วนกรณีการฟ้องร้องก็ต้องดูเหตุกรณี แต่เชื่อว่าไม่มีมูลเหตุอะไรให้ฟ้องร้องและกระทบกับการประมูล 3จี ส่วนสถานที่ประมูลนั้น กทค.เสนอที่จะให้มีการประมูลที่สำนักงาน กสทช.เอง เพราะเราจะได้ไม่ต้องไปเช่าโรงแรมหรือต้องยุ่งยากอะไร"พ.อ.เศรษฐพงศ์
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขา กสทช. กล่าวว่า มติที่ประชุมวันนี้มีกรรมการลงมติผ่านร่างประกาศ IM คะแนน 8 ต่อ 2 เสียง โดยน.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ไม่เห็นด้วย ในขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ งดออกเสียง เนื่องจากเห็นว่ามีส่วนได้ส่วนเสียจากการเปิดประมูล 3จี จากการดำรงตำแหน่ง กทช.มาก่อน ขณะนี้จะต้องเตรียมความพร้อมและจ้างบริษัทที่ปรึกษาคือ บริษัท เพาเวอร์ ออคชั่น ในราคา 14.1 ล้านบาท คาดว่าจะประกาศลงราชกิจจานุเบกษาสัปดาห์หน้า และจะประมูลในเดือน ต.ค.55 ตามกำหนด