นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA ) คาดว่า อีก 12 เดือนข้างหน้า ดัชนี BDI น่าจะอยู่ที่ 1,000 จุด ซึ่งหากอยู่ระดับนี้บริษัทจะกลับมามีกำไร และไม่ขาดทุนในเชิงกระแสเงินสด แต่กำไรสุทธิอาจจะไม่มากนัก
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ามีกองเรือเพิ่มเป็น 24-30 ลำในปี 58 จากปัจจุบันมีอยู่ 16 ลำ โดยจะเน้นซื้อเรือมือสองเป็นเรือขนาด 5 หมื่นเดทเวทตัน ซึ่งขณะนี้เป็นจังหวะเหมาะซื้อเรือมือสอง เพราะค่าระวางเรือในตลาดยังต่ำ
ส่วนธุรกิจ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์ ผู้ให้บริการเรือขุดเจาะและงานวิศวกรรมใต้ทะเล เตรียมรับมอบเรือขุดเจาะใหม่ที่สั่งต่อไว้ 3 ลำ ราคาเฉลี่ย 180 ล้านเหรียญสหรัฐ/ลำ โดยลำแรกจะรับมอบ ธ.ค.55 ลำที่สองเดือนมิ.ย.56 และลำที่สามเดือน ก.ย.56 โดยความต้องการเรือขุดเจาะยังมีอยู่สูง เพราะราคาน้ำมันทั้งเบรนท์และไนเม็กซ์อยู่ระดับสูง ทำให้การสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียมยังคึกคัก ซึ่งอัตราการประโยชน์จากเรืออยู่ที่ 70%กว่าถือเป็นอัตราที่แข็งแกร่งมาก
นางฐิติมา กล่าวว่า ในปี 55 (สิ้นสุด ก.ย.)บริษัทจะขาดทุนสุทธิ แต่ไม่มากเท่าไตรมาส 3 ที่ขาดทุน 2.3 พันล้านบาท จากผลการรับรู้การด้อยค่าของบมจ. ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) รวมทั้งต้นทุนการขนย้ายถ่านหิน ของ UMS จากสมุทรสาครไปสระบุรีสูงมาก จากเดิม 120 บาท/ตันเป็น 180 บาท/ตัน เพราะไม่สามารถขนส่งทางน้ำได้ และบริษัทคาดว่าจะยังรับรู้ผลขาดทุนจาก UMS ต่อเนื่องไปถึงเดือน มี.ค.56 เพราะทางการกำหนดว่า UMS จะต้องขนย้านถ่านหินที่จ.สมุทรสาครออกไปให้หมดภายในมี.ค. 56