นายปิยุช กุปต้า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทาสตีล(ประเทศไทย)(TSTH)คาดว่า บริษัทจะสามารถพลิกฟื้นมีกำไรได้ในงวดปี 55/56(เม.ย.55-มี.ค.56)จากที่บริษัทขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปี หากสามารถหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามารร่วมทุนในบมจ.เอ็นทีเอส สตีล กรุ๊ป(NTS) ซึ่งเป็นบริษลูก เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ถึง 90% จากปัจจุบันที่ใช้อยู่เพียง 60-65% และผลิตสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติม รวมทั้งสามารถขายโครงการเหล็กหลอมเหลว(Mini Blast Furnance) ของ NTS ที่มีค่าเสื่อมราคาปีละ 230 ล้านบาท เพราะหากขายออกไปได้ก็จะหมดภาระค่าเสื่อมดังกล่าว
"ถ้าหากหาพันธมิตร หรือการขาย Mini Blast Furnance สรุปได้ใน 6 เดือนหรือในปลายปีนี้ ก็จะสามารถมีกำไร"นายปิยุช กล่าว
ทั้งนี้ กระบวนการเจรจาทั้งสองแผนงานอยู่ระหว่างเดินควบคู่กันไป โดยขณะนี้บริษัทเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจหลายราย คาดว่าผู้ร่วมทุนเป็นกลุ่มที่นำเข้าสินค้าในไทย ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น และ เกาหลี ซึ่งอาจมาจากผู้ผลิตในกลุ่ม upstream หรือ downstream แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะขายหุ้นให้ในสัดส่วนเท่าใด
ส่วนการขายโครงการ Mini Blast Furnance คาดว่าจะขายให้กับผู้ผลิตที่อยู่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบหรือแหล่งผลิตถ่านโค้กที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิต เช่น อินเดีย หรืออเมริกาใต้ ซึ่งเป็นไปได้ที่ทาทาสตีลในอินเดียอาจจะเข้ามารับซื้อโครงการดังกล่าว ซึ่งบริษัทจะสามารถขนย้ายทั้งโครงการออกไปจากที่ตั้งโรงงานใน จ.ชลบุรี เพื่อส่งมอบให้กับผู้ซื้อ โดยโครงการ Mini Blast Furnance มีเงินลงทุน 3,800 ล้านบาท เปิดดำเนินการ ต.ค.52 และปิดไปเมื่อ ก.ค.54
"เรารู้ว่า 2 กลยุทธ์นี้จะช่วยพลิกฟื้นให้ภาพรวมบริษัทมีกำไร และเรา serious ในการ discussion กับพันธมิตรธุรกิจ"นายปิยุช กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าผลประกอบการในงวดไตรมาส 2/55-56 (ก.ค-ก.ย.55 )จะปรับตัวดีขึ้นกว่าในไตรมาส 1/55-56(เม.ย-มิ.ย.)โดยคาดว่าจะมีปริมาณขายเติบโต 15% จากไตรมาส 1/55-56 ที่มีปริมาณ 2.58 แสนตัน และมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสแรกผลิตได้ 2.5 แสนตัน ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และคาดว่าวริษัทจะยังคงมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาค่าตัดจำหน่าย(EBITDA)และ Cash Profit (กำไรที่เป็นตัวเงิน) จะเป็นบวกจากไตรมาสแรกที่มี EBITDA ราว 117 ล้านบาทและ Cash Profit สูงขึ้นเป็น 50ล้านบาท จากไตรมาส 4/54-55 ที่มีเพียง 1-2 ล้านบาท