ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด และดัชนีภาคการผลิตของจีนหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 115.30 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 13,057.46 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.41 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 1,402.08 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 20.27 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 3,053.40 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของจีนและสหรัฐทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นสาเหตุสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย มาอยู่ที่ 372,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 365,000 ราย นะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐนั้นยังไม่แน่ไม่นอน
ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,750 ราย มาอยู่ที่ 368,000 ราย โดยข้อมูลนี้สามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีน ร่วงลงแตะ 47.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เมื่อเทียบกับตัวเลขขั้นสุดท้ายของเดือนก.ค.ที่ 49.3 โดยดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 จุดเป็นเวลา 10 เดือนติดต่อกัน
ส่วนในฝั่งยุโรปนั้น มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนี PMI เบื้องต้นของยูโรโซน ที่แม้จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 45.3 ในเดือนส.ค. จากระดับ 44 ในเดือนก.ค. แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตในยูโรโซนหดตัวลง เนื่องจากกิจกรรมด้านโรงงานในเยอรมนีและฝรั่งเศสชะลอตัวลง
นอกเหนือจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด หรือ FOMC ที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ "ค่อนข้างเก่า" เพราะเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับแผนการซื้อสินทรัพย์ใหม่ของเฟดในระยะนี้
หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ร่วงลงกว่า 8% หลังจากบริษัทคาดว่าผลกำไรที่ไม่นับรวมต้นทุนบางรายการ จะอยู่ที่ 4.05-4.07 ดอลลาร์ต่อหุ้นในรอบปีที่สิ้นสุดเดือนต.ค. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.4% หลงจากสายการบินแควนตัส แอร์เวยส์ ยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 จำนวน 35 ลำ ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.7% หุ้นดูปองท์ ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.1%
หุ้นกลุ่มขนส่งที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ รวมถึงหุ้นเฟ็ดเอ็กซ์ และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ร่วงลง 1%
นักลงทุนจับตาดูรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย