(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งลงตามภูมิภาค บาทแข็งหนุน fund flow ไหลกลับมา

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 24, 2012 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯ คาดดัชนีเช้าวันนี้แกว่งตัวลงแล้วค่อยปรับขึ้นระหว่างวัน แต่เงินบาทยังแข็งค่าจะสนับสนุนให้ fund flow ไหลกลับมา ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลง หลังจากประชุมผู้นำยุโรปยังไม่มีความชัดเจนเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤติ ตลาดหุ้นภูมิภาคก็ปรับตัวลงเช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 1,227-1,230 จุด แนวต้าน 1,240-1,243 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มองว่าจะแกว่งตัวลง จากตลาดหุ้นต่างประเทศมีสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ทั้งดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับลง 115 จุด และตลาดหุ้นยุโรปปรับลงราว 1% รวมถึงความผิดหวังของผลการประชุมผู้นำยุโรปที่ยังไม่มีสัญญาณใดออกมาชัดเจน

ประกอบกับ เมื่อคืนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแบบผสมผสานกัน ทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED)อาจจะยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ เพราะต้องรอความชัดเจนของตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญก่อน โดยเฉพาะตัวเลขด้านการผลิตและการจ้างงานที่จะประกาศช่วงต้นเดือน ก.ย.

"ตลาดหุ้นภูมิภาคก็ลงเช่นกัน คาดว่าตลาดหุ้นไทยก็คงหนีไม่พ้น โดยน่าจะเปิดกระโดดลงก่อน และระหว่างวันน่าจะปรับขึ้น ส่วนค่าเงินบาทยังแข็งอยู่ ยังสนับสนุนให้ตัว fund flow ไหลกลับมา แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ยุโรปอย่างใกล้ชิดก่อน "

พร้อมให้แนวรับ 1,227-1,230 จุด แนวต้าน 1,240-1,243 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(23 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,057.46 จุด ลดลง 115.30 จุด(-0.88%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,402.08 จุด ลดลง 11.41 จุด(-0.81%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,053.40 จุด ลดลง 20.27 จุด (-0.66%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดวันนี้ นิกเกอิญี่ปุ่น ลดลง 108.17 จุด เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดจีน ลดลง 4.71 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 201.79 จุด เวทเต็ดไต้หวัน ลดลง 25.60 จุด คอมโพสิต ตลาดเกาหลีใต้ ลดลง 21.46 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ลดลง 8.70 จุด FBMKLCI มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.39 จุด และ FTSE STI สิงคโปร์ ลดลง 12.50 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(23 ส.ค.)ที่ระดับ 1,237.64 จุด เพิ่มขึ้น 3.50 จุด(+0.28%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,041.83 ล้านบาทเมื่อ 23 ส.ค.55
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 96.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.99 ดอลลาร์ฯหรือ 1.0%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(23 ส.ค.)ปิดทำการที่ 8.6 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 31.20/22 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อตามภูมิภาค
  • ภาคเอกชนให้คะแนนการบริหารงาน รัฐบาลรอบ 1 ปี สอบผ่าน เผยหลายนโยบาย ทำได้ดี ทั้งตลาดหุ้น-ท่องเที่ยว-อุตฯยานยนต์แต่อีกหลายนโยบายไม่มีแผนชัดเจนและ แก้ปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่น รวมทั้งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สอดคล้องกับผลโพลล์หอการค้าให้คะแนนรัฐบาลผ่านเกินครึ่ง
  • นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกขยายตัว 15% ทั้งที่ทำไม่ได้จริงเพราะว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงในบางเรื่องที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า White Lie ที่แปลว่าโกหกสีขาว
  • เตรียมชงภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ 28 ส.ค.นี้ คิดตามค่า CO2 เลิกสิทธิพิเศษพลังงานทดแทน คาดวงการรถป่วน, อธิบดีกรมสรรพสามิตเผยจะพยายามเสนอการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่เสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบให้ทันการประชุมในวันที่ 28 ส.ค.นี้ โดยรายละเอียดจะมีการปรับเปลี่ยนจากกรอบเดิม โดยจะจัดกลุ่มรถยนต์ใหม่เพื่อให้มีการปรับโครงสร้างภาษีอย่างแท้จริง
  • แบงก์จ่อขยับดอกเบี้ยบ้านอีก 0.35% ในไตรมาส 4 หลังแบกรับต้นทุนการเงินจากการระดมเงินฝากหลังแอ่น พร้อมเผยมีผลกระทบต่อลูกค้าน้อยมาก เนื่องจากเพิ่มภาระลูกค้า 350 บาทต่อเงินกู้ 1 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ บสก.รุกขายทรัพย์ครึ่งปีหลัง คัดทรัพย์เด่น คุณภาพดีทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 4,882 รายการ มูลค่ากว่า 13,035 ล้านบาท ลดราคาสูงสุด 30%
  • นายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยเป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การเงิน การคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยหลังเข้าหารือกับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อรับทราบข้อมูลทางเศรษฐกิจการเงินว่า ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี แม้มีปัจจัยกระทบจากต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลต่อการส่งออก และต้องติดตามดูเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลังด้วย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • MAKRO(ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า 430 บาท กำไร 1H12 +30% Y-Y คาดทั้งปีโต 31% ปีหน้าโต 29% ผู้บริหารปฎิเสธข่าวถูกขอซื้อกิจการ หากราคาหุ้นปรับลงด้วยเหตุนี้จะถือเป็นจังหวะในการสะสม
  • CPF(เคทีบี)"ซื้อ"เป้าปี 55 ลดเหลือ 40.40 บาท ยังไม่คาดหวังทางบวกมากต่อกำไรสุทธิงวด 3Q55 ของ CPF แต่คาดหวังการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามลำดับในช่วง 4Q55 เป็นต้นไป
  • KTB(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้าหลังเพิ่มทุน 20 บาท คงประมาณการกำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 26,086 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.87 บาท ยังคาดหวังการเติบโตได้ และถึงแม้การเพิ่มทุนจะทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงคาดว่าจะเป็นหุ้นที่มีระดับเงินปันผลตอบแทนสูง โดยทั้งปี 55 คาดจ่ายปันผล 0.76 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4.3%
  • PTTEP(KS)"ถือ"เป้า 165 บาท เลื่อนเพิ่มทุนไม่กระทบการเข้าซื้อ Cove Energy เพราะมีเงินสดส่วนเกิน และสามารถกู้เงินเพิ่มได้ แม้ปัจจุบันมี D/E ที่ 0.56 เท่า ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ 0.5 เท่า รวมถึงการเข้าซื้อ Cove จะทำให้ D/E เพิ่มเป็น 0.65-0.78 เท่า แต่จะลดลงหลังจากเพิ่มทุนสำเร็จ ความเห็นของเราโครงสร้างการเพิ่มทุนใหม่อาจเป็นการเพิ่มทุนควบกับการออกตราสารกึ่งหนึ่งทุน(hybrid securities)ด้วยมูลค่าเงินเพิ่มทุนที่ลดลง ซึ่งหมายความว่าอาจมีการเพิ่มทุนรอบใหม่เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ