บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO)คาดว่ายอดขายทั้งปีนี้จะเติบโต 17-18% ใกล้เคียงกับอัตราเติบโตในครึ่งปีแรก เนื่องจากมองว่ากำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังคงไม่แตกต่างกับครึ่งปีแรกมากนัก บริษัทยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเปิดสาขาในจังหวัดที่ยังไม่มีสาขาของห้างแม็คโครอีก 20 จังหวัด เน้นในพื้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก แต่ก็ขึ้นกับการขออนุญาตตั้งห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ในแต่ละพื้นที่ด้วย
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAKRO กล่าวว่า ยอดขายในปีนี้คงไม่มีโอกาสเติบโตได้ถึง 20% จากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปีนี้หลายฝ่ายคาดว่าขยายตัวเพียง 4-5% ดังนั้น ยอดขายทั้งปีน่าจะเติบโตในระดับ 17-18% ใกล้เคียงกับอัตราเติบโตในครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังมองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคไม่ได้เติบโตดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ประกอบกับฐานปีก่อนที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงน้ำท่วมทำให้มียอดขายเติบโตสูงมาก
"ครึ่งปีหลังถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็น่าจะใกล้เคียงครึ่งปีแรก เราดูจากจีดีพีโตเท่าไหร่เราก็ต้องเป้าให้แต่ละสาขาโตเท่าจีดีพี...มองกำลังซื้อครึ่งปีหลังไม่ได้เพิ่มขึ้น ดูได้จาก mood"นางสุชาดา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังเดินหน้าเปิดสาขาอีก 2 แห่งตามแผน คือที่ จ.เพชรบูรณ์ และ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ทำให้สิ้นปีมีสาขารวม 57 สาขา ขณะที่ปีหน้ายังไม่ได้กำหนดเป้าหมายการเปิดสาขาใหม่ เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมายของการก่อสร้างอาคารค้าปลีกและผังเมือง แต่บริษัทยังมุ่งที่จะเปิดสาขาใหม่ใน 20 จังหวัด ที่ยังไม่มีสาขา โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ทั้งแพร่ น่าน และ อุตรดิตถ์ เป็นต้น
สำหรับร้านสยามโฟรเซ่น ซึ่งเป็นร้านรูปแบบใหม่ที่ขายสินค้าอาหารแช่แข็ง ซึ่งได้เริ่มเปิดตั้งแต่ปี 54 จนถึงขณะนี้มีร้านค้านำร่อง 4 แห่ง คือ จ.เชียงใหม่ อุดรธานี อ.ทุ่งสง และโคราช พบว่ามียอดขายดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เติบโตก้าวกระโดด โดยรูปแบบร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการร้านอาหารได้ซื้อสินค้าแช่แข็งได้สะดวกมากขึ้น และแนวโน้มจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้มองหาโอกาสที่จะเปิดสาขาที่กรุงเทพฯเช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับ ทำเล และความพร้อม โดยต้นทุนการเปิดสาขาร้านสยามโฟรเซ่นอยู่ที่ 6 ล้านบาท/สาขา
สำหรับการจัดงาน"แม็คโคร โฮเรก้า"มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 7 ช่วงวันที่ 13-16 ก.ย.55 เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ food service รองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร จัดเลี้ยง ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่การท่องเที่ยวขยายตัวได้สูง ปัจจุบันยอดขายจาก ธุรกิจ food service อยู่ที่ 20% ของยอดขายรวม แต่เห็นศักยภาพเติบโตได้ดีต่อเนื่อง
นางสุชาดา กล่าวย้ำอีกว่า บริษัท SHV Holding จากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ยืนยันว่าไม่เคยมีการเจรจาติดต่อกับ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) หลังจากมีข่าวว่า BJC สนใจเข้าซื้อกิจการของบริษัท และ SVH ก็ไม่ต้องการเจรจากับใคร เพราะไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้น เพราะทางเนเธอร์แลนด์ถือว่าเข้ามาลงทุนในไทยนานกว่า 23 ปีแล้ว และยังมีความเชื่อมั่นในทีมบริหาร และตลาดในประเทศไทย เพราะถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ในอนาคต BJC จะมีการเจรจาเข้าซื้อกิจการ MAKRO หรือไม่ คงไม่สามารถตอบแทนผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ แต่กระแสข่าวที่ออกมาดังกล่าวจำเป็นจะต้องเร่งให้ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย พนักงาน และคู่ค้า
"ข่าวที่ออกมาไม่รู้ว่าจะมาจากใคร แต่มีความเป็นไปได้สูง เพราะทางคุณเจริญก็มีข่าวซื้อกิจการเยอะแยะไปหมด และธุรกิจค้าปลีกก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น เพราะก่อนหน้านี้ทางคาร์ฟูจะขาย ทางเขาก็เป็น 1 ในแคนดิเดต" นางสุชาดา กล่าว
ด้านนางสาวปรานต์ทิตย์ อัคริมาชญานนม์ ประนจัดงานมหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 7(แม็คโคร โฮเรก้า 2012) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้อยู่ภายใต้คอนเส็ป"สร้างสรรค์ธุรกิจ ด้วยแนวคิดสากล"เพื่อให้ความรู้และแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ได้นำไปพัฒนาธุรกิจ รวมถึงปรับใช้และต่อยอดธุรกิจด้วยเอกลักษณ์ที่แตกต่างและผสมแนวคิดสากล รองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารนานาชาติในประทเศไทย เพื่อเป้าหมายเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกค้าไทยที่ชอบอาหารสากล