นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะพาบริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ ไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ )ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) แก่นักลงทุนใน 3 จังหวัด โดยจะเริ่มจากจังหวัดสงขลา ที่อำเภอหาดใหญ่ ในวันที่ 27 สิงหาคม ต่อด้วยกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 31 สิงหาคม และปิดท้ายการโรดโชว์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 3 กันยายน 2555 เพื่อเป็นการให้ข้อมูลต่อนักลงทุนโดยละเอียด ให้มีความเข้าใจในพื้นฐานธุรกิจของ FPI และมองเห็นแผนการดำเนินงานในอนาคต พร้อมทั้งแนวโน้มของอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน จากนั้นคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายและเปิดจองซื้อหุ้น FPI และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาส 3/2555 นี้
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าหุ้น FPI จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับจุดเด่นของบริษัท ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากพลาสติกที่ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบเม่พิมพ์ การฉีดขึ้นรูป ชุบโครเมี่ยม และการพ่นสีรวมทั้งเป็นศูนย์รวมในการจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ทั้งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (REM) และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ (OEM) โดยปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 45,000 รายการ จัดจำหน่ายกว่า 110 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องสินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน ขณะที่ราคาค่อนข้าง Competitive สามารถแข่งขันในตลาดได้ เนื่องจาก FPI มีระบบบริหารจัดการต้นทุนที่ดี
"FPI ถือว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ทดแทน ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้ากว่า 110 ประเทศทั่วโลก ประกอบกับทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และทุ่มเทการทำงานเพื่อผลักดันการเติบโตของบริษัท ทำให้ผมเชื่อมั่นว่านักลงทุนที่เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของ FPI จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน" นายสมภพกล่าว
ด้านนายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ FPI เชื่อมั่นว่า หุ้น FPI จะได้รับการความสนใจจากผู้ลงทุน เนื่องจากพื้นฐานบริษัทมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และอยู่ในธุรกิจยานยนต์ที่มีอนาคตสดใส โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 63 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 21.36 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20.34 และเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทจำนวน 3 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.02 โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปใช้ลงทุนขยายโรงงานและคลังสินค้า ซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม คืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ในขณะที่ผลประกอบการของ FPI เติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมจำนวน 955.14 ล้านบาทในปี 2552 ก่อนเพิ่มขึ้นเป็น 1,197.44 ล้านบาทในปี 2553 และ 1,300.37 ล้านบาทในปี 2554 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ FPI มีรายได้รวม 735.38 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 35.11 ล้านบาทในปี 2552 และ 26.61 ล้านบาทในปี 2553 ก่อนจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 63.43 ล้านบาทในปี 2554 และงวด 6เดือนแรกของปีนี้ FPI มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 62.93 ล้านบาท