บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล(LHK)ตั้งเป้างวดปี 55/56(สิ้นสุดเดือน มี.ค.56)รายได้จะเติบโตราว 15-20% ตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้อยู่ในระดับสูงกว่า 10% หรือตัวเลขเป็น 2 digit จากงวดไตรมาส 1/55-56 อยู่ที่ 11.8% โดยบริษัทเตรียมเงินลงทุน 70-80 ล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรเพื่อขยายการผลิตสินค้า value added
นายอนันต์ มนัสชินอภิสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมงวดปี 55/56 (เม.ย. 55- มี.ค.56)เติบโต 15-20% จากปีก่อนมีรายได้รวม 2.3 พันล้านบาท โดยรายได้ที่เติบโตได้ดีมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตันกลับมาดีเกินคาดหลังได้รับผลกระทบอย่างมากจากเหตุการณ์อุทกภัยปลายปี 54
แม้ไตรมาส 1/55-56 บริษัทจะมีรายได้รวมเพียง 613 ล้านบาท เติบโต 7.4% แต่แนวโน้มในไตรมาส 2/55-56 คาดว่าจะดีชึ้นอย่างมากตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มียังออเดอร์ค้างอยู่ในช่วงน้ำท่วม โดยปีก่อนอุตสาหกรรมยานยนต์มีกำลังการผลิต 67-68% แต่ปัจจุบันปรับขึ้นมาเป็น 90% ส่วนบริษัทมีกำลังการผลิต 70% เป็นการทำงานหนึ่งกะ ส่วนบริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยก็ใช้กำลังการผลิต 85% ทำงานหนึ่งกะ ทั้งสองส่วนคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 กะ เพราะมีออเดอร์เพิ่มขึ้นมากจากนโยบายรถยนต์คันแรก
"ปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ยืน 2 digit จากไตรมาสแรกได้ 11.8% ซึ่งยอดขายที่เพิ่มบวกกับเครื่องจักรใหม่ มีส่วนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้น"นายอนันต์ กล่าว
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจยานยนต์ 41% เครื่องใช้ไฟฟ้า 22% ธุรกิจก่อสร้าง 10% อาหาร 6% ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ 4% และอื่นๆ ทั้งนี้ บริษัทกังวลปัจจัยที่จะมาจากปัญหาวิกฤติยุโรป เพราะหากแย่กว่านี้การใช้จ่ายของประชาชนจะน้อยลงก็จะมีผลกระทบขยายวงกว้าง ส่วนปี 56 บริษัทกังวลกรณีผู้ค้าในจีนนำสินค้าสแตนเลสเกรดต่ำเข้ามาขายในไทย ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อบริษัท
นายอนันต์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 70-80 ล้านบาท แบ่งเป็น 50 ล้านบาทสำหรับธุรกิจของออโต้ เม็ททอล เป็นการซื้อเครื่องจักแบบ Automation ซึ่งตอนนี้เดินเครื่องเต็ม 100% โดยเครื่องจักรใหม่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วย ส่วนงบอีก 20-30 ล้านบาทลงทุนใน LHK
ส่วนการเจรจาพันธมิตรกับอินเดีย ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยทางอินเดียเกิดปัญหาคนงานประท้วงใน 2 เดือนที่ผานมาจึงชะลอการเจรจาออกไป โดยบริษัทตั้งเป้าถือหุ้นในบริษัทพันธมิตร 60% ขณะที่ การเข้ามาถือหุ้นเพิ่มของ Mory Industries Inc.จากญี่ปุ่น จากถืออยู่ 40% จะเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 49%ได้หรือไม่นั้น ขึ้นกับการเจรจาราคาหุ้นกันอยู่