นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ลงนามในสัญญาว่าจ้างตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (Korea Exchange) ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบชำระราคาชั้นนำ เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ สำหรับตราสารทุน ตราสารอนุพันธ์ และตราสารหนี้ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดอนุพันธ์ โดยจะแล้วเสร็จและเริ่มให้บริการระบบชำระราคาสำหรับตราสารอนุพันธ์ก่อนในไตรมาส 4/56 ส่วนระบบชำระราคาสำหรับตราสารทุน และตราสารหนี้ คาดสามารถให้บริการได้ในไตรมาส 4/57
ทั้งนี้ ตลท.ได้พัฒนางานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากลของ Korea Exchange ที่จะนำมาพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯนี้ จะทำให้ระบบชำระราคาใหม่สามารถรองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจ สนับสนุนความคล่องตัวในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ สามารถเชื่อมต่อและทำธุรกรรมกับระบบของสำนักหักบัญชีทั่วโลกได้สะดวกมากขึ้น อันจะทำให้สำนักหักบัญชีของไทย มีความน่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค และมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก รวมทั้งตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น เป็นการสานโอกาสการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนและธุรกิจในตลาดทุน
“การลงนามพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ในครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Korea Exchange ซึ่งได้มีการต่ออายุบันทึกข้อตกลงเพื่อพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การสร้างโอกาสในการลงทุนและโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน นอกจากนี้การพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จะทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความพร้อมในการเชื่อมโยงระบบการชำระราคาร่วมกับประเทศอื่นในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่ง Korea Exchange เป็นหนึ่งในผู้นำที่ให้บริการระบบดังกล่าว" นายจรัมพรกล่าว
นาย Soo-Hyung Jin President & COO, Korea Exchange กล่าวว่า Korea Exchange ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ตลท. ซึ่งระบบงานใหม่นี้จะครอบคลุมการพัฒนาระบบชำระราคาสำหรับตราสารทุน ตราสารอนุพันธ์ และตราสารหนี้ ที่อยู่บน platform เดียวกันด้วย
การนำเทคโนโลยีที่นำสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากลมาใช้พัฒนา เชื่อว่าการพัฒนาระบบชำระราคานี้จะช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถขยายการให้บริการงานชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์แก่ผู้ร่วมธุรกิจในตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศได้อย่างกว้างขวาง และตอบสนองความต้องการของธุรกิจและผู้ลงทุนมากขึ้น นอกจากนั้น จะช่วยสร้างความน่าสนใจให้ผู้ลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมากยิ่งขึ้นด้วย