บมจ.เอสวีไอ(SVI) คาดว่ายอดขายในปี 56 จะกลับมาเติบโตเป็นปกติราว 25-30% หลังจากบริษัทได้ทำการฟื้นฟูโรงงานหลังผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมหนักเมื่อปลายปี 54 พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องจักรใหม่ ซึ่งคาดว่าอัตรากำลังการผลิตในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 100% จาก 80% ในปีนี้ ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 270-280 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับปีหน้าบริษัทได้เตรียมงบลงทุนขยายกิจการอีกประมาณ 300 ล้านบาท จากที่ปีนี้ใช้ไปค่อนข้างสูงถึง 550 ล้านบาทในช่วงการฟื้นฟูโรงงาน ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวยังไม่นับรวมการหาซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการ(M&A)ในบริษัทที่มีการเจรจาไว้บ้างแล้วแต่หยุดชะงักไปในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งในปีหน้า ซึ่งหากเจรจาสำเร็จก็จะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตเป็นเท่าตัวจากปกติ
นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVI กล่าวว่า ปี 56 คาดว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตปกติที่ 25-30% ต่อปี หลังจากผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมสิ้นสุดลงไป แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ยังไม่รวมดีลซื้อกิจการในยุโรป ซึ่งหากการเจรจาเป็นผลสำเร็จก็คาดว่าจะทำให้ยอดขายของบริษัทหลังจากนั้นเติบโตเป็น double จากปกติ เพราะจะได้ลูกค้าและตลาดใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น
"ปี 56 ยอดขายต้องโตเพราะสถานการณ์น้ำท่วมหายไป อยู่ที่กำลังการผลิตเราที่จะเพิ่มขึ้น เราก็สามารถเร่งเครื่องจักรได้"
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คงจะยังไม่เห็นความชัดเจนของการซื้อกิจการเพิ่มเติมในปีนี้ เพราะต้องรอให้บริษัทได้เงินประกันน้ำท่วมก่อน โดยคาดว่าไตรมาส 3/55 หรือราวเดือน ต.ค.55 จะได้รับเงินค่าชดเชยความเสียหายและค่าเสียโอกาสจากบ.ริษัทประกันภัยราว 300-400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะเริ่มพิจารณาเรื่องการซื้อกิจการอีกครั้ง
"เรื่องประกันจบ เงินกู้คืนไป ค่อยตั้งแผนซื้อกิจการ M&A ในยุโรป ซึ่งตอนนี้ราคาสินทรัพย์ปรับขึ้นมาแล้ว เราก็เสียโอกาสไปเพราะจังหวะเราไม่ดี ตอนราคาถูกแต่เราไม่พร้อม ปีนี้ไม่ได้แล้วต้องเป็นปีหน้า เสียดายโอกาสมาก เพราะตอนนั้นถูกมาก discount 70% แต่ตอนนี้เหลือ 50%"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงษศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะพลิกกลับมาเป็นกำไร จากปี 54 ที่ประสบภาวะขาดทุน ซึ่งหากสิ้นปีนี้มีกำไรตามปกติบริษัทก็อาจพิจารณาเรื่องปันผล
ในแง่ยอดขายคาดว่าปีนี้จะทำได้ราว 270-280 ล้านเหรียญสหรัฐใกล้เคียงกับปีก่อน โดยครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้ว 120 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าครึ่งหลังยอดขายจะสูงขึ้น เพราะไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และขณะนี้บริษัทก็มีกำลังการผลิตเดินเครื่อง 80% แล้วหลังน้ำท่วม แต่คาดว่าไตรมาส 1/56 กำลังการผลิตจะกลับมา 100% หลังซื้อเครื่องจักรจากญี่ปุ่นและยุโรปเข้ามาเพิ่ม
ประกอบกับ โรงงานที่ขยายพื้นที่ก็จะแล้วเสร็จ โดยโรงงานที่บางกะดีเริ่มสร้างพื้นที่ส่วนที่เหลือ ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตเพิ่มเป็น 30,000 ตร.ม./ปี โดยเฟส 1-2 เสร็จแล้วและลูกค้าเริ่มเข้ามาแล้ว เหลือเฟส 3 จะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ปลายเดือน ต.ค.นี้ เพื่อขยายธุรกิจใหม่รองรับลูกค้าอีก 3-4 รายที่ได้เพิ่มเข้ามา และลูกค้าที่บริษัทกำลังจะเจรจาเพิ่มเติมอีก
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 56 ที่กว่า 300 ล้านบาทสำหรับซื้อเครื่องจักร ซึ่งลดลงจากปีนี้ที่ 550 ล้านบาท เพราะฟื้นสภาพจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักได้แล้ว โดยครึ่งหลังของปีนี้บริษัทจะใช้เงินอีกกว่า 160 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงาน จากครึ่งปีแรกใช้ไปได้แล้วกว่า 340 ล้านบาท