บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ทยอยสะสม"หุ้น บมจ.เอสวีไอ(SVI) ราคาเหมาะสม 4.80 บาท หลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารวานนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการ 2H55 ของ SVI โดยปัจจุบันกำลังการผลิตเริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติแล้วที่ 80% และคาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 100% ได้ในปี 2556 จากคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 6 ราย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบกำลังการผลิต และขั้นตอนเสนอราคา
นอกจากนี้ 3Q55 - 4Q55 จะรับรู้รายได้ค่าประกันไตรมาสละ 300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2556 ราว 1,500 - 1,600 ล้านบาท ซึ่งหลังรับเงินประกันดังกล่าว จะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของ SVI ลดลง จากปัจจุบันที่ต้องใช้เงินกู้สำรองล่วงหน้าไปก่อน เพื่อซื้อเครื่องจักร ระหว่างที่รอเงินจากบริษัทประกัน
ดังนั้น ยังคาดว่ากำไรปกติใน 2H55 จะเติบโตต่อเนื่องจาก 1H55 และเติบโตโดดเด่น +50.1% yoy เป็น 776 ล้านบาท ในปี 2556 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ เมื่อเทียบกับฐานกำไรปกติสูงสุดเดิมในปี 2553 ที่ 735 ล้านบาท
รวมทั้งให้เป็น Top pick ของกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ สำหรับนักลงทุนระยะกลางขึ้นไป โดยคาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่อง ตามทิศทางการขยายตัวของผลประกอบการตั้งแต่ 3Q55 เป็นต้นไป และ SVI มีความเสี่ยงต่อปัญหาหนี้สินในยุโรปค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับบริษัทอิเล็กทรอนิคส์อื่นในกลุ่ม เนื่องจากมีสัดส่วนยอดขายไปยังประเทศในกลุ่ม EU น้อยกว่า 5% ของรายได้รวม
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น SVI แนวโน้มกำไรปกติจะดีต่อเนื่องใน 2H12 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 80% (จาก 2Q12 ที่ระดับ 70%-75%) และคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% ในช่วง 1Q13 ดังนั้น จึงคาดกำไรปกติปี 2012 ที่ 453 ล้านบาท -34% Y-Y และปี 2013 ที่ 736 ล้านบาท + 63% Y-Y
แต่ระยะสั้นยังมีปัจจัยลบจากเงินเครมประกันจากน้ำท่วมที่อาจน้อยกว่าคาด โดยกรณี Worst Case คาดว่าจะได้รับอย่างน้อย 53% ของเงินเคลมทั้งจำนวน หากราคาหุ้นลงจากข่าวดังกล่าว พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
วานนี้(3 ก.ย.)หุ้น SVI ปิดที่ 3.76 บาท ลดลง 0.10 บาท(-2.59%)