ปัจจุบัน แบตเตอรี่แบบ"ไม่ง้อน้ำ"ทำยอดขายแล้ว 4 หมื่นลูกหลังจากเปิดตัวในช่วงต้นไตรมาส 3/55 คาดว่าต้นไตรมาส 1/56 ยอดขายจะทำได้ถึง 7 หมื่นลูก โดยบริษัทมีกำลังการผลิต 3.7 แสนลูก/ปี แบ่งเป็นแบตเตอรี่ธรรมดา 3 แสนลูก และแบบไม่ง้อน้ำ 7 ลูก สำหรับการลงทุนในปีนี้และปีหน้าคงจะยังไม่มีเพิ่มเติม เพราะกำลังผลิตที่มีอยู่เพียงพอต่อความต้องการ
แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 4/55 น่าจะดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศ และส่งออก โดยเฉพาะตลาดส่งออกน่าจะมีการใช้แบตเตอรี่มากเนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนในประเทศการที่บริษัทฯผลิต 3 รุ่นใหม่ที่สามารถใช้ในรถปิกอัพและรถบรรทุกได้ ทำให้ความต้องการสูงขึ้น
น.ส.วีรวรรณ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้สูงกว่า 13% โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 13% แล้ว แต่ยอมรับว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คงจะไม่สูงเท่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 21% ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาตะกั่วเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี บริษัทจะพยายามบริหารต้นทุนให้ได้ดี เพราะยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้ เนื่องจากแบตเตอรี่เป็นสินค้าควบคุม ก่อนหน้านี้เคยได้ยื่นขอขึ้นราคาไปที่กรมการค้าภายในแล้ว เนื่องจากต้นทุนตะกั่วสูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา โดยราคาตะกั่วที่สูงขึ้นในตอนนี้ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ เพราะคิดเป็น 70% ของต้นทุนการผลิต
ทั้งนี้ ราคาตะกั่วปัจจุบันปรับขึ้นมาเป็น 2,100 ดอลลาร์/ตัน จากสัปดาห์ก่อนยังอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์/ตัน และราคาตะกั่วคงจะผันผวนไปอย่างนี้ ซึ่งไตรมาส 4/55 ราคาตะกั่วคาดว่าจะอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์/ตัน