ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตลาดอ่อนแรงลงในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดของสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 31.10 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 13,275.54 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.63 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 1,436.40 จุด และดัชนี Nasdaq ลบ 3.61 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 3,133.09 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐเดือนส.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง
ส่วนในวันนี้ สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของจีนในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.7797 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นจากระดับ 1% ในเดือนก.ค. โดยข้อมูลการส่งออกที่ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนส.ค. บ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ปรับลดการประเมินอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.7% ต่อปี จากก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ที่ 1.4%
การปรับลดการประเมินจีดีพีไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลได้ปรับลดการประเมินการลงทุนในภาคเอกชนและสต็อกสินค้าคงคลัง เนื่องจากภาคการผลิตมีแนวโน้มชะลอตัวลงในอนาคต โดยการขยายตัวของยอดการใช้จ่ายด้านทุนในภาคเอกชนได้ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.4% จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.5% ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลัง เช่นน้ำมันดิบและเหล็กกล้า ยังมีส่วนทำให้รัฐบาลตัดสินใจปรับลดการประเมินการเติบโตของจีดีพีในไตรมาส 2 ด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 11-12 ก.ย. ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3