โบรกฯเห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR)มองธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากหนังฟอร์มใหญ่ที่รอเข้าฉายหลายเรื่อง ประกอบกับ รายได้จากเม็ดเงินโฆษณาผ่านโรงภาพยนตร์เติบโตขึ้นมากในปีนี้ช่วยเสริมรายได้ รวมทั้งการปรับขึ้นค่าตั๋วหนัง พร้อมกับการขยายสาขาและปรับปรุงโรงหนังเป็นระบบดิจิตอล
ส่วนการจับมือกับทรูวิชั่นถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและกีฬาระดับโลก มองว่ายังไม่น่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถือเป็นกลยุทธทางการตลาดดึงดูดคนเข้าโรงหนังมากขึ้น และในอนาคตอาจมีความร่วมมือด้านอื่นๆกับทรูวิชั่นเพิ่มขึ้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กรุงศรี ซื้อ 20.50 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 20.50 บล.ฟิลลิป ซื้อ 21.30 บล.บัวหลวง ซื้อ 24.50 บล.ทิสโก้ ซื้อ 23.00 บล.เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 23.50 บล.ธนชาต ซื้อ 25.00
นายถกล บรรจงรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองราคาหุ้น MAJOR ได้ปรับลดลงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในครี่งปีแรกไปแล้ว และมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยช่วงครึ่งปีหลัง จากหนังฟอร์มใหญ่ที่จะเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น The Amazing Spider-Man, The Dark Knight Rises , Resident Evill 5 , 007 Sky fall, The Twilight Saga : Breaking Dawn2 และเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร 5
ประกอบกับ MAJOR ได้มีการปรับโรงหนังเป็นระบบดิจิตอลมากขึ้น ทำให้ราคาตั๋วหนังสูงกว่าราคาโรงทั่วไป มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น รวมถึงมีเม็ดเงินโฆษณาจากฟิล์มที่เติบโตได้ดีกว่าช่วงก่อน
ภาพรวมปี 55 ประเมินว่า MAJOR จะมีกำไรสุทธิ 940 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะมีกไรสุทธิ 451 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 26% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้กาให้บริการลดลงจากหนังฟอร์มใหญ่ที่ทำได้รายน้อยกว่าปีก่อน แต่บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านพนักงานและการตลาดมากขึ้น
"มองว่าช่วงครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวจากการมีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉายมากขึ้น และบางเรื่องได้เลื่อนการฉายมาในช่วงนี้ แต่ความเสี่ยงยังมีคือหนังฟอร์มใหญ่อาจทำเงินไม่ได้ตามที่คาดไว้ ซึ่งอาจทำให้รายได้พลาดเป้าได้ ซึ่งเป็นเรื่องประเมินยาก ทั้งนี้ไม่รวมสถานการณ์อื่นๆที่ไม่คาดคิด"นายถกล กล่าว
ส่วนการที่ MAJOR จับมือกับทรูวิชั่น ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและกีฬาระดับโลกในโรงภาพยนตร์ มองว่าไม่ได้ช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถือเป็นกิจกรรมเสริมในเชิงมาร์เก็ตติ้งมากกว่า แต่ในอนาคตมองว่า MAJOR และ ทรู อาจมีความร่วมมือกันมากขึ้น เช่น การขายตั๋วหนังผ่านมือถือ
นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า การที่ MAJOR จับมือทรูวิชั่น น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งในแง่ทรูฯ จะมีช่องทางการเผยแพร่คอนเทนท์มากขึ้น ส่วน MAJOR ก็มีกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ซึ่งเบื้องต้นไม่น่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่เป็นการสร้างความสนใจดึงดูดให้คนเข้าโรงหนังมากขึ้นมากกว่า ซึ่งต้องรอดูผลการตอบรับด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มองว่ารายได้ค่าโฆษณาในโรงหนังเติบโตได้ดี โดยในเดือน ก.ค.พบว่าเม็ดเงินโฆษณาเติบโตถึง 107% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และรอบ 7 เดือน มีการเติบโตถึง 70% ส่วนนี้น่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจโรงหนังด้วย
"รายได้หลักยังมาจากการฉายหนัง แต่เม็ดเงินโฆษณาในโรงหนังปีหนี้เติบโตขึ้นมาก และมีมาร์จิ้นที่ดี ดังนั้น หากรายได้จากหนังที่ฉายไม่ได้ตามเป้า ก็น่าจะมีเม็ดเงินโฆษณามาช่วยได้" นายดิษฐนพ กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 55 MAJOR จะมีกำไรสุทธิ 864 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน โดยในไตรมาส 4/55 จะเป็นช่วงที่ทำรายได้และกำไรมากสุด เนื่องจากมีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉายหลายเรื่อง โดยเฉพาะตำนานสมเด็จพระนเรศวร 5 ภาคจบ