นายเชษฐ มังคโลดม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป(MAJOR)คาดว่า ผลประกอบการในครึ่งปีหลังนี้จะมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเพิ่มจำนวนสาขา โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีโรงภาพยนตร์ราว 400 โรง พร้อมตั้งเป้าปี 56 ว่าจะมีโรงภาพยนตร์รวมทั้งสิ้น 600 โรง ใน 67 สาขา โดยเน้นการเจาะตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
รวมทั้งครึ่งปีหลังจะเริ่มมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้ามาฉายมากขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายให้ปรับตัวสูงขึ้น จากครึ่งปีแรกที่รายได้ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่รายได้จากการโฆษณาในโรงภาพยนตร์เติบโตขึ้นกว่า 10% ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันโรงภาพยนตร์ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนของลูกค้าในการทำโฆษณา ซึ่งส่วนนี้เป็นอีกทางที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต
ประกอบกับ ปัจจุบัน MAJOR เริ่มมีรายได้พิเศษจากคอนเทนท์ต่างๆ เข้ามาชดเชยรายได้ในครึ่งปีแรกที่ปรับตัวลดลงไป อาทิ การจับมือกับทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในโรงภาพยนตร์ และใช้โรงภาพยนตร์ในการจัดประชุมสัมมนา และงานอีเวนท์ต่างๆ มองว่าเป็นการลงทุนที่แทบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากคอนเทนท์นี้ราว 200 ล้านบาท ขณะนี้ทำได้แล้วกว่า 100 ล้านบาท
ล่าสุด MAJOR จับมือกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก กบข. ทั่วประเทศ ให้ชมภาพยนตร์ทุกเรื่อง ทุกรอบและทุกโรงในราคาเริ่มต้นที่ 100 บาทภายใต้โครงการ“สิทธิพิเศษ บัตรชมภาพยนตร์เมเจอร์ — กบข."
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กบข.เปิดเผยว่า กบข. ได้รับความร่วมมือจากเมเจอร์ ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ เพราะเมเจอร์มีโรงภาพยนตร์ครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิก กบข.กว่า 1.2 ล้านคนทั่วประเทศ และเป็นโอกาสที่ดีที่สมาชิกจะได้มีความสุข มีช่วงเวลาพิเศษกับครอบครัวในราคาพิเศษ
นายเชษฐ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าจะรองรับความต้องการชมภาพยนตร์ของสมาชิก กบข. ได้อย่างเต็มที่ และคาดว่าจะสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสมาชิก กบข. อายุระหว่าง 35-40 ปี ให้ใช้บริการโรงภาพยนตร์ของเรามากขึ้น นอกเหนือจากนั้น เมเจอร์มีโครงการนำภาพยนตร์ดังในอดีตมาฉายใหม่ จัดคอนเสิร์ตย้อนยุค หรือการสัมมนาพิเศษที่เหมาะสมกับสมาชิก กบข. อีกด้วย