นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัทวายแอลจี บลูเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ช่วง 8 เดือนของปีนี้อัตราผลตอบแทนการลงทุนในทองคำราคา spot อยู่ที่ 8% ขณะที่ปี 54 เฉลี่ยทั้งปีที่ 10%
บริษัทมองราคาทองคำตลาดโลกครึ่งหลังของปีนี้น่าจะเห็นปรับตัวขึ้นไปที่ 1,900 เหรียญฯ/ออนซ์ ปัจจัยสำคัญคือหากสหรัฐมีมาตรการ QE3 ออกมาเดือน ก.ย.นี้ และมีโอกาสไปแตะ 1,920 เหรียญฯ/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเดิมของปีก่อน จากปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ 1,700 เหรียญฯ/ออนซ์ แต่หากไม่มี QE3 ก็ยังมองเป็นขาขึ้นที่ 1,800-1,850 เหรียญฯ/ออนซ์ ในระยะใกล้นี้ โดยยังคงมองราคาทองต่ำสุดของปีนี้ที่ 1,520 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งผ่านไปแล้ว และราคาสูงสุดที่ 1,900 เหรียญฯ/ออนซ์
นอกจากนั้น ยังแนะนำให้จับตาประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้หากศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันประกาศให้ไฟเขียวการใส่เงินสมทบกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองมีโอกาสปรับขึ้น เพราะคาดว่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้น และคนก็กล้าเสี่ยงก็จะลงทุนถือยูโร รวมทั้งราคาทองก็จะปรับขึ้นด้วย กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้นักลงทุนซื้อแล้วสามารถถือยาวได้
"ช่วงนี้นักลงทุนเข้าซื้อที่กรอบแนวรับ 1,720 และ 1,710 เหรียญฯได้ แนวต้าน 1,750 เหรียญฯ เพราะถ้าประกาศ QE3 เดือนก.ย.นี้ ราคาทองจะบวกทันที 50 เหรียญฯ หลังจากนั้นมองเทรนเป็นขาขึ้นต่อ 1,900 เหรียญฯเห็นแน่ปีนี้"นางพวรรณ์ กล่าว
นางพวรรณ์ กล่าวอีกว่า บริษัทประเมินการนำเข้าทองคำในประเทศไทยเมื่อสิ้นปีอยู่ที่ 350 ตัน ซึ่งช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 280 ตัน สูงกว่าปี 54 ทั้งปีที่มีปริมาณเข้าเข้าทองคำ 250 ตัน เนื่องจากมีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้นทั้งลูกค้าเก่าก็ซื้อขายมากขึ้น และนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น เพราะหากเปรียบเทียบกับเงินฝากแบงก์ที่ให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2-3% พบว่าการลงทุนในทองคำอย่างแย่สุดผลตอบแทนก็ 10% ขึ้นไปแล้ว และหากนักลงทุนเข้าถูกเวลาก็ทำกำไรได้มาก ถึงแม้ในช่วงที่ราคาทองคำจะแกว่งตัวไซด์เวย์ก็ตาม
ในส่วนของบริษัทมีบัญชีลูกค้าเพิ่มขึ้นปีละ 1,000 บัญชี โดยปัจจุบันบัญชีลูกค้าที่ซื้อขายทองแท่งอยู่ที่ 2,800-2,900 บัญชี และโกลด์ฟิวเจอร์สที่ 2,000 กว่าบัญชี
"ช่วงที่รอประกาศยูโรหรือรอมาตรการ QE3 นักลงทุนควรเข้าไวออกไว หรือเข้าเช้าออกเย็น หรือล้างพอร์ต 70% เหลือไว้ 30%ได้หมด"